ขับเคลื่อนสิ่งประดิษฐ์เข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม
รมช.ศึกษาธิการ “พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์” ลงพื้นที่จ
นายจรัสชัย โชคเรืองสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับในนามจังหวัดนครราชสีมาว่า “โคราช” เป็นประตูแห่งภาคอีสาน เป็นเมืองใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูง ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งในการผลิตและการลงทุนทางภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม พาณิชยกรรม รวมทั้งการท่องเที่ยวและโบราณสถาน มีสถานศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน โรงเรียนในสังกัด สพป.นครราชสีมา เขต 1-7 และ สพม.เขต 31 และในส่วนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ของรัฐและเอกชน รวม 24 แห่ง มีนักเรียนนักศึกษากว่า 4 หมื่นคน เปิดสอนหลักสูตรระดับ ปวช. ปวส. และปริญญาตรี รวมทั้งหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นตามความต้องการของชุมชนท้องถิ่น
การจัดงานในครั้งนี้ มีความสอดคล้องกับความพร้อมของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งด้านภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ ซึ่งมีเขตอุตสาหกรรม มีสถานประกอบการทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ รวมกว่า 2,000 แห่ง ตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือและเส้นทางขนส่งสินค้าออกไปยังต่างประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ตลอดจนมีแรงงานเพียงพอกับความต้องการของภาคธุรกิจ สิ่งสำคัญคือสอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนสายอาชีพ ทำให้เด็กได้มีงานทำ ได้พัฒนาท้องถิ่นของตนเอง ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของจังหวัด สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ให้แก่ประเทศในอนาคต
นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า เพื่อขับเคลื่อนสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมของอาชีวศึกษาสู่ระบบอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมใน 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการจับคู่ระหว่างสถานประกอบการกับสถานศึกษา เพื่อเจรจานำสิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม ที่เป็นผลงานมาใช้งานจริงเชิงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาซื้อนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ หรือต้นแบบสิ่งประดิษฐ์, การให้คำแนะนำเพื่อการใช้ประโยชน์ และปรับปรุง ตลอดจนนัดหมายดูและซื้อผลงาน, การกำหนดโจทย์ให้กับนักเรียนนักศึกษาและสถานศึกษา ไปสร้าง ผลิต และรับซื้อ รวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำแก่นักเรียน นักศึกษา ในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ เพื่อทำเป็นธุรกิจต่อไป
ผศ.บรรพต วิรุณราช ที่ปรึกษา รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การขับเคลื่อนนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์อาชีวศึกษา เพื่อเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม เป็นการแสดงความจำนงของการจับคู่ระหว่างสถานประกอบการ และนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ของสถานศึกษา โดยแบ่งเป็นการจับคู่ที่สอดคล้อง และการจับคู่เพื่อรับข้อเสนอแนะ โดยภาคธุรกิจสามารถเจรจาได้ในทุกมิติ คือ
1. ซื้อนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ หรือต้นแบบสิ่งประดิษฐ์
2. อาจให้คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อการใช้ประโยชน์ จากนั้นนำไปปรับปรุง และนัดหมายดูผลงานและซื้อ
3. กำหนดโจทย์ให้กับนักเรียน นักศึกษา และสถานศึกษา ไปสร้าง ผลิต และรับซื้อ
4. ให้คำปรึกษาแนะนำแก่นักเรียน นักศึกษา ในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ เพื่อทำเป็นธุรกิจต่อไป
สำหรับแนวทางการดำเนินงาน
โอกาสนี้
-
การขับเคลื่อนสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากการเยี่ยมชมนิทรรศการ ทำให้เห็นความก้าวหน้าเป็นอย่างมากของ ผลงานนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัดที่นำมาจัดแสดง ซึ่งมีรางวัลระดับภาคปีการศึกษา 2559-2560 จำนวน 286 ผลงาน และได้รับความสนใจ สอบถาม เพื่อเข้ามาเจรจาจับคู่ธุรกิจเบื้องต้น โดยได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ จำนวน 84 คู่ และแจ้งทาง Link จำนวน 75 คู่ ซึ่ง สอศ. ได้จัดทำ Link นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์เพื่อให้ผู้สนใจเข้าชมรายละเอียดและพิจารณาคุณสมบัติสิ่งประดิษฐ์ได้โดยผ่าน คิวอาร์โค้ด -
การทำงานของสถานศึกษา ขอให้สถาบันอาชีวศึกษาทุกแห่ง ทั้งที่จับคู่กับภาคเอกชนและไม่ได้จับคู่กับภาคเอกชนดำเนินการต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการลงนามความร่วมมือ ความแน่นแฟ้นในการดำเนินงานและประสานงาน การติดตามประเมินผลเป็นห้วง ๆ เพื่อให้เกิดสัมฤทธิผลที่เป็นรูปธรรม นำไปขยายผลสู่พื้นที่อื่น ๆ ในภาคให้มากยิ่งขึ้น
-
การทำงานของหน่วยงานให้เกิดความเชื่อมโยงและบูรณาการ กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้หน่วยงานอื่น ๆ นอกเหนือจากอาชีวะ มาช่วยกันทำงานเชิง
บูรณาการ เช่น สำนักงาน กศน. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงานตามนโยบายสำคัญอีกเรื่องหนึ่งของรัฐบาลคือ “โครงการไทยนิยม ยั่งยืน” เพราะมี กศน.ตำบล ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศที่สามารถมาเสริมงานส่วนนี้ร่วมกับอาชีวะได้ โดยเฉพาะข้อห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีต่อพี่น้องประชาชนด้านการเกษตร โดย กศน.จะร่วมมือกันทำงานช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เช่น ศูนย์ดิจิทัลชุมชน กศน.ตำบล ที่จะเข้าไปช่วย ในเรื่อง e-Commerce ให้มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาที่ได้ร่วมส่งเสริมสนับสนุนไปแล้วกว่า 1 แสนราย ไปดูว่าเรียนแล้วได้ประโยชน์อย่างไร และจะสามารถเชื่อมโยงกับอาชีวะได้อย่างไร หรืออีกตัวอย่างคือสำนักงาน กศน.จังหวัด/อำเภอ/ตำบล อาจวางแผนจัดทำพื้นที่ส่วนกลางให้เป็นสถานที่ประสานงานหรือสถานที่รับซื้อสินค้าของประชาชน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนขายสินค้าได้มากขึ้น อันจะส่งผลให้สร้างรายได้ให้มากขึ้น และเพิ่มเงินหมุนเวียนให้มากขึ้น เพราะมั่นใจว่าทุกพื้นที่ของประเทศมีสินค้าที่มีคุณภาพและคุณค่าเป็นจำนวนมาก หากดำเนินการได้เช่นนี้ มั่นใจว่าทุกหน่วยงานจะได้ทำงานเชิงบูรณาการที่เกิดการต่อเนื่องเชื่อมโยงที่จะเป็น Supply Chain -
การทำงานกลไกประชารัฐ การทำงานบางเรื่องไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นโดยใช้งบประมาณ เพียงแต่ใช้ความคิด และริเริ่มในการทำงานโดยไม่ชักช้า ทำงานด้วยความรอบคอบ ทั่วถึง เชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่น พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นทั้งหน่วยงานภายในและภายนอก รวมถึงให้ประชาชนเข้าใจ ก็จะทำให้เกิดการทำงานในกลไก “ประชารัฐ” ที่เกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน คือ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญต่อความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม คือ ประชาชนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ เรียนจบแล้วมีงานทำ เป็นอาชีวะฝีมือชนคนสร้างชาติ และมีจิตอาสาที่แท้จริงที่จะสร้างคุณค่าให้กับสังคม
“เมื่อนั้นความสำเร็จเป็นรูปธรรมของชาวอาชีวศึกษา ก็จะทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองและประชาชนเห็นคุณค่าของนักเรียนนักศึกษาและบุคลากรอาชีวะที่มีต่อสังคม ก็จะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง” พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว