ครม.สัญจร ที่นครราชสีมา

จังหวัดนครราชสีมา – เมื่อวันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2560 พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา, รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (นายวณิชย์ อ่วมศรี, นายประชาคม จันทรชิต, นายบุญส่ง จำปาโพธิ์) และนายสาโรจน์ ขอจ่วนเตี๋ยว ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลด้านการอาชีวศึกษา ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 สิงหาคม 2560 ณ จังหวัดนครราชสีมา



พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อติดตามผลการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลด้านการอาชีวศึกษา ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาระดับอาชีวศึกษาเป็นอย่างมาก โดยได้เน้นย้ำเสมอว่า “ผู้เรียนอาชีวศึกษา คือ ผู้ทรงคุณค่าของสังคม (Step Towards Success)”


โดยในการประชุม ครม.สัญจร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ลงพื้นที่ 2 แห่ง ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครราชสีมา อ.สีคิ้ว ซึ่งเป็นวิทยาลัยที่มีจุดเด่นด้าน Smart Farmer & Modern Farm และวิทยาลัยเทคนิคสุรนารี อ.โชคชัย ซึ่งมีจุดเด่นคือโครงการวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (Science-based Technology College)


โอกาสนี้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ ได้ให้แนวทางการดำเนินงานอาชีวศึกษาที่สำคัญโดยสรุป ดังนี้




  • การลดช่องว่างคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาอาชีวศึกษาให้ใกล้เคียงกันมากขึ้น เพื่อให้สถานศึกษาอาชีวศึกษาทั่วประเทศ 914 แห่ง แยกเป็นสถานศึกษาอาชีวะของรัฐ 428 แห่ง และอาชีวะเอกชน 486 แห่ง มีคุณภาพไม่ต่างกันมากจนเกินไป ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จึงต้องยกระดับสถานศึกษาที่มีคุณภาพต่ำกว่าให้ขึ้นมามีคุณภาพใกล้เคียงกัน อันจะส่งผลให้มีการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเป็นไปอย่างทั่วถึง



  • การเปิดหลักสูตรสาขาต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่  โดยการจัดการศึกษาในหลักสูตรต่าง ๆ ต้องทบทวนถึงความสอดคล้องของการพัฒนาประเทศ และตามศักยภาพของแต่ละภาคที่แตกต่างกัน โดยอาจนำแนวทางการดำเนินงานสานพลังประชารัฐมาใช้ในการจัดการศึกษา เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกับภาคเอกชนและภาคประชาสังคม 4 ด้าน คือ Re-branding อาชีวศึกษา, Excellent Model School (EMS),  Database of Demand & Supply และ Standards & Certification Center



  • การบูรณาการงานทั้งส่วนกลาง จังหวัด และระดับภาค  ปัจจุบันมีการแบ่งส่วนภูมิภาคออกเป็น 6 ภาคคือ  ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสอดคล้องเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันตั้งแต่ระดับกลุ่มสถานศึกษา  ระดับจังหวัด ไปจนถึงระดับภาค อันจะเป็นการขยายความร่วมมือให้เกิดความเข้มแข็งในระดับประเทศต่อไป จึงขอให้แต่ละภาคนำรูปแบบและแนวทางการจัดตั้งและการดำเนินงานของ “ศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก” (EEC TVET Career Center) ไปพิจารณาจัดตั้งในแต่ละภาค ภายในปีงบประมาณ 2561 เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาด้านข้อมูลกลาง การส่งเสริมสมรรถนะผู้เรียนเข้าสู่มาตรฐานอาชีพ การระดมทรัพยากรและความร่วมมือ การจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับการมีงานทำ และการวิจัยและพัฒนา



  • ให้สำรวจจำนวนและสัดส่วนผู้จบการศึกษาอาชีวศึกษาต่อการมีงานทำ เพื่อวางแผนการผลิตผู้เรียนในสาขาอาชีพต่าง ๆ



  • แนวทางการปรับปรุงพัฒนาสถานศึกษาให้มีความเข้มแข็ง  โดยสถานศึกษาแต่ละแห่งควรจัดลำดับความเร่งด่วนในการดำเนินงานให้เกิดความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครราชสีมา ซึ่งจัดการศึกษาด้านเกษตรกรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบมากอยู่แล้ว แต่ก็ต้องพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนที่จะช่วยเสริมงานด้านต่าง ๆ ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น ปรับปรุงถนนในวิทยาลัยเพื่อรองรับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว การจัดสวัสดิภาพและสวัสดิการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพราะเมื่อเพิ่มงานให้คน ก็ต้องสนับสนุนเพิ่มขวัญกำลังใจตามให้ทันด้วย เป็นต้น



  • แนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องประชาชน  การดำเนินงานที่ผ่านมาของ สอศ. มีหลายโครงการที่รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น Fix It Center, อาชีวศึกษาร่วมด้วยช่วยประชาชน, อาชีวะฝีมือชนคนสร้างชาติ แม้กระทั่งสีคิ้วโมเดล ซึ่งเป็นรูปแบบ Smart Farmer & Modern Farm ของวิทยาลัย ก็สามารถช่วยประชาชนในการเพิ่มผลผลิตและรายได้อีกด้วย



ในการตรวจเยี่ยมวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครราชสีมา  พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ และคณะ ได้เยี่ยมชมโครงการปลูกข้าวหอมมะลิ 105 (Jasmin Rice #105 Farming Project) ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ในระดับ ปวส. ที่ได้ร่วมมือกับสยามคูโบต้าในการปลูกข้าวด้วยรถดำนานั่งขับแบบ 6 แถว คันละ 6 ล้านบาท สามารถดำนาได้ประมาณ 20 ไร่ต่อวัน ข้อดีคือการปักดำต้นกล้ามีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ให้ผลผลิตมากกว่าการทำนาแบบหว่านเมล็ด สามารถควบคุมวัชพืชได้อีกด้วย จากนั้นได้เยี่ยมชมโครงการผลิตดอกดาวเรืองเพื่อจำหน่าย (Marigold for Sale Project) เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการงานอาชีพ เป้าหมายการผลิตดอกดาวเรืองจำนวน 250,000 ต้น จำหน่ายแก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนผู้สนใจทั่วไป



นอกจากนี้ ได้เยี่ยมชมการเลี้ยงวัว ฟาร์มผลิตไข่ไก่อารมณ์ดี ผลิตภัณฑ์น้ำแกงเปรอะสมุนไพรพร้อมปรุงบรรจุกระป๋อง ผลิตภัณฑ์ไวน์ผลไม้ น้ำนมข้าวโพด เป็นต้น


สำหรับการตรวจเยี่ยมวิทยาลัยเทคนิคสุรนารี  พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ และคณะ ได้เยี่ยมชมการเรียนการสอนในส่วนของโครงการวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (Science-based Technology College) เช่น สาขาวิชาช่างอุตสาหกรรมฐานวิทย์ ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา เครื่องแขนกลอัตโนมัติ ห้องนิวแมติกส์ การใช้งาน PLC นอกจากนี้ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการความก้าวหน้าของสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดนครราชสีมา ที่ได้นำมาจัดแสดงภายในวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย








 

นายสรศักดิ์ แก่งกระโทก นักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคสุรนารี  ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเรียนสายอาชีวศึกษาว่า ปัจจุบันเรียนระดับ ปวส. ปี 2 วิทยาลัยได้ส่งไปฝึกวิชาชีพที่บริษัทพีซีเอส พรีซีซัน เวิร์ค โดยฝึกงานด้านการควบคุมเครื่องฉีดอลูมิเนียม มีรายได้จากการฝึกงานด้วยเดือนละ 18,000 บาท ทำให้นำเงินดังกล่าวไปซื้อรถจักรยานยนต์เพื่อให้ครอบครัวใช้ในชีวิตประจำวันได้ จึงขอเชิญชวนเพื่อน ๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่ หากมาเรียนอาชีวะ ได้ไปฝึกงาน บริษัทหลายแห่งจะให้สิทธิสวัสดิการเทียบเท่าพนักงานปัจจุบันทุกประการตั้งแต่วันแรกที่เริ่มฝึกอาชีพ และไม่มีเงื่อนไขและข้อผูกมัดใด ๆ ทั้งสิ้น


 



บัลลังก์ โรหิตเสถียร: สรุป/รายงาน
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี: ถ่ายภาพ
21/8/2560