จังหวัดปัตตานี – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ฯลฯ พบปะหารือและรับฟังความคิดเห็นของผู้นำชุมชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในระหว่างการลงพื้นที่ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ เมื่อวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2560 ณ ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย อำเภอหนองจิก

ในการพบปะครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังความคิดเห็นของตัวแทนผู้นำชุมชน จำนวน 42 คน ในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จำนวน 5 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำไทยพุทธ ผู้นำกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน และภาคประชาสังคม

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงนโยบายของรัฐบาลในการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสทางการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงมีความขัดแย้งและสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งทุกคนทุกฝ่ายต้องช่วยกันดูแลพื้นที่ด้วยสันติวิธีมากกว่าที่จะใช้ความรุนแรง โดยจะใช้ศาสนาเป็นเหตุแห่งความขัดแย้งไม่ได้ เพราะเมื่อเกิดเหตุความไม่สงบ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อโอกาสและคุณภาพการศึกษาแล้ว ก็จะนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ เช่น ด้านการลงทุน เศรษฐกิจ ความมั่นคง การท่องเที่ยว การประกอบอาชีพของประชาชน ฯลฯ
ในส่วนของการศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำเป็นต้องมีการปรับให้รองรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกให้ได้ ซึ่งในพื้นที่มีการจัดการศึกษาที่หลากหลาย ทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการที่รัฐบาลเข้าไปสนับสนุนและดูแลสถาบันศึกษาปอเนาะ ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดสรรเงินสมทบรายหัว เงินพัฒนาหลักสูตร และได้ย้ำถึงความสำคัญของหลักสูตรการศึกษาที่จำเป็นต้องมุ่งเน้นให้ครอบคลุมทั้งสองด้านคือ ด้านศาสนาและอาชีพ คือจบแล้วสามารถเลือกเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นจนถึงปริญญาหรือออกไปประกอบอาชีพได้ การจัดทำหลักสูตรหรือส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อในสถาบันศึกษาต่างประเทศ จะต้องเป็นหลักสูตรที่ไม่ส่งผลต่อการเทียบวุฒิการศึกษาในบ้านเรา เพราะส่งผลให้เกิดข้อจำกัดในการเลือกประกอบอาชีพ และที่สำคัญคือโครงการที่ดี ๆ ในการผลิตและพัฒนาครูสู่ท้องถิ่น เช่น คุรุทายาท หรือเพชรในตม จะทำให้ผู้เรียนจบแล้วกลับมาพัฒนาท้องถิ่นได้ อันจะช่วยแก้ไขปัญหาการโยกย้ายและขาดแคลนบุคลากรในพื้นที่ได้



นอกจากนี้ ขอให้จัดลำดับความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารหรือมัสยิดต่าง ๆ รวมทั้งการสนับสนุนให้มีเครือข่ายประชาสังคมและเครือข่ายการมีส่วนร่วมของลูกหลานเยาวชน ซึ่งนอกจากเรื่องการศึกษาที่ได้รับฟังแล้ว ยังมีเรื่องของความมั่นคง สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจการค้าการลงทุน ฯลฯ โดยในระหว่างการรับฟัง นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีและจังหวัดรับเรื่องต่าง ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ภายหลังการพบปะหารือ นายกรัฐมนตรี และ รมช.ศึกษาธิการ ได้ให้เกียรติถ่ายภาพหมู่ร่วมกับข้าราชการของกระทรวงศึกษาธิการ (ส่วนหน้า) และข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ

อนึ่ง ในการลงพื้นที่จังหวัดปัตตานีครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เป็นประธานเปิดป้ายตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่บริเวณริมถนนสายปัตตานี-หาดใหญ่ ต.บ่อทอง อ.หนองจิก พร้อมทั้งเยี่ยมชมพื้นที่อุตสาหกรรมแปรรูปโรงงานน้ำมันปาล์ม, ติดตามการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงาน ทั้งเรื่องการพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”, ประชุมติดตามงานด้านความมั่นคงและการพัฒนา รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน กลุ่มผู้นำท้องถิ่น ภาคเอกชน ในพื้นที่จังหวัด 3 จังหวัดชายแดนใต้

จงจิตร ฟองละแอ, บัลลังก์ โรหิตเสถียร: สรุป
ธเนศ งามสถิร: ถ่ายภาพ
กลุ่มสารนิเทศ สอ.สป.: รายงาน
27/11/2560