ครม.อนุมัติงบกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

สรุปมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2561 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา คือ อนุมัติงบเพิ่มเติมให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จำนวนกว่า 1,200 ล้านบาท และแนวทางการกำหนดมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ

  • อนุมัติการขอรับเงินจัดสรรเป็นทุนประเดิมและเงินอุดหนุนให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาปีงบประมาณ 2561

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม 2562 แล้ว ให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ดังนี้

     1. ทุนประเดิมงวดแรกให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จำนวน 700,000,000 บาท
     2. เงินรายปีสำหรับดำเนินภารกิจของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จำนวน 499,187,400 บาท

ตามนัยพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. 2561 โดยให้เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น และขอให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาใช้จ่ายตามแผนการใช้เงินที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาแล้ว โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ รวมถึงการใช้จ่ายเงินสำหรับการดำเนินภารกิจดังกล่าวจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ให้ถูกต้องครบถ้วน ประโยชน์ที่ภาครัฐและประชาชนจะได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการกองทุนฯ อย่างยั่งยืน ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของภาครัฐ พ.ศ. 2561 ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ


  • รับทราบแนวทางกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับมาตรการด้านกำลังคนภาครัฐ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับมาตรการด้านกำลังคนภาครัฐ โดยให้เร่งรัดการกำหนดมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐระยะถัดไปให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้สอดคล้องกับประเด็นการปฏิรูปและร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ

สาระสำคัญของเรื่อง

คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ได้รายงานผลการดำเนินการของ คปร. เกี่ยวกับมาตรการด้านกำลังคนภาครัฐ รวม 2 เรื่อง สรุปได้ดังนี้

     1. แนวทางการดำเนินการเพื่อรองรับการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น คปร. ได้กำหนดเป็น “แนวทางการดำเนินการ” เพื่อให้ส่วนราชการและองค์กรกลางบริหารทรัพยากรบุคคลที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติและใช้เป็นแนวทางประกอบการพิจารณาดำเนินการตามแนวทางการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2560 โดยกำหนดให้แนวทางดังกล่าวใช้บังคับในวันที่ 1 ตุลาคม 2561

ทั้งนี้ การจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการฯ ในส่วนของข้าราชการพลเรือนสามัญ ได้แบ่งเป็น 2 กรณี คือ
          1) ส่วนราชการที่มีอัตราข้าราชการไม่เกิน 1,000 อัตรา ให้จัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการคืนส่วนราชการเดิมทั้งหมด
          2) ส่วนราชการที่มีอัตราข้าราชการเกิน 1,000 อัตรา
               –
ให้จัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการตำแหน่งประเภทบริหาร/อำนวยการ คืนส่วนราชการเดิมทั้งหมด
            – ส่วนตำแหน่งประเภทวิชาการ/ทั่วไป ให้จัดสรรคืนส่วนราชการเดิมร้อยละ 20 ที่เหลืออีกร้อยละ 80 ให้ อ.ก.พ. กระทรวงพิจารณาตามหลักเกณฑ์การทดแทนด้วยการจ้างรูปแบบอื่น

อย่างไรก็ดี คปร. ได้กำหนดกรณียกเว้นเฉพาะสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ไว้ด้วย เนื่องจากเป็นระยะเปลี่ยนผ่านของการดำเนินการตามมาตรการฯ แนวทางการทดแทนฯ พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 รวมทั้งกรณีตำแหน่งหัวหน้าหน่วยงานมีผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นพนักงานราชการ/ลูกจ้างชั่วคราวจำนวนมาก เช่น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หัวหน้าอุทยาน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

นอกจากนี้ ได้กำหนดแนวทางการจัดสรรอัตรากำลัง “พนักงานราชการ” เพิ่มเติม เพื่อรองรับการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นด้วย เช่น ให้ทดแทนอัตราข้าราชการเกษียณ 1 อัตรา ต่อพนักงานราชการ 1 อัตรา (1 : 1)

       2. ผลการดำเนินการบรรจุและแต่งตั้งอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558-2561 และการกำหนดแนวทางปฏิบัติให้แก่ส่วนราชการเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการตามมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2557-2561) ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 โดย คปร. ได้รายงานว่า ส่วนราชการได้บรรจุ/แต่งตั้งข้าราชการแล้ว 21,685 อัตรา คิดเป็นร้อยละ 75.52 จากที่ได้รับอนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ 28,713 อัตรา ใน 25 ส่วนราชการ

นอกจากนี้ ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของส่วนราชการ โดยให้ส่วนราชการดำเนินการบรรจุ/แต่งตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หรือภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี


Written by บัลลังก์ โรหิตเสถียร
Photo Credit
Rewriter/Editor บัลลังก์ โรหิตเสถียร