กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จัดงานชุมนุม “ลูกเสือจิตอาสาทำความดี รวมใจภักดี เทิดไท้องค์ราชัน” (ภาคใต้และภาคใต้ชายแดน) ระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2562 ที่จังหวัดสงขลา โดยมีลูกเสือ–เนตรนารีเข้าร่วมจำนวน 13,620 คน รวมทั้งลูกเสือจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไนดารุสซาลาม เข้าร่วมอีก 550 คน

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2562 เวลา 16.15 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมืองสงขลา, กระทรวงศึกษาธิการ โดยความร่วมมือของจังหวัดสงขลา, สำนักงานศึกษาธิการภาค 5,6,7 และศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปบ.จชต.) จัดพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือบำเพ็ญประโยชน์เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก “ลูกเสือจิตอาสาทำความดี รวมใจภักดี เทิดไท้องค์ราชัน” (ภาคใต้ และภาคใต้ชายแดน) โดยมี พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ) เป็นประธาน โดยมีผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม อาทิ นายอดินันท์ ปากบารา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี, นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, ศึกษาธิการภาค 5,6,7, ศึกษาธิการจังหวัด, ผู้แทนหน่วยงาน, คณะกรรมการจัดงาน, ผู้บังคับบัญชาฯ และลูกเสือ-เนตรนารีในภาคใต้และภาคใต้ชายแดน จำนวน 13,620 คน รวมทั้งลูกเสือจากประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไนดารุสซาลาม เข้าร่วมงานชุมนุม ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16–20 มิถุนายน 2562
พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ กล่าวว่า กิจกรรมงานชุมนุมในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และน้อมนำพระบรมราโชบายไปสู่การปฏิบัติโดยผ่านกิจกรรมลูกเสือ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ที่ได้ทรงมีคุณูปการต่อประชาชนชาวชาวไทยทุกหมู่เหล่าอย่างหาที่สุดมิได้ พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานานัปการ ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ทรงกอบกู้และรักษาเอกราชของชาติไทยด้วยความกล้าหาญและเสียสละ ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่าได้อยู่เย็นเป็นสุข ทรงทะนุบำรุงบ้านเมืองให้มีความเจริญมั่นคงก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ทรงทะนุบำรุงศาสนาทุกศาสนาในประเทศไทยให้มีความเจริญรุ่งเรือง สถาบันพระมหากษัตริย์จึงเป็นสถาบันสูงสุดของชาติ เป็นศูนย์รวมแห่งความจงรักภักดี เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนชาวไทยทั้งชาติ ได้มีความรู้รักสามัคคีอย่างเข้มแข็ง
สำหรับกิจการลูกเสือนั้น ถือว่าเป็นงานด้านการศึกษาที่มีเกียรติ เป็นที่ยอมรับในสังคมโลก หากลูกเสือเป็นผู้มีระเบียบวินัย มีความซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีกฎเกณฑ์ และยินดีช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ ลูกเสือทุกคนจะยึดถือคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือเป็นแนวปฏิบัติอย่างมีเกียรติ โดยคำปฏิญาณได้แสดงว่า ลูกเสือนั้นมีหน้าที่อันหลากหลาย อันได้แก่
-
หน้าที่ต่อชาติ ลูกเสือจะไม่ยินยอมให้ผู้ใดหรือกลุ่มใดทำร้ายประเทศ ด้วยวิธีการใด ๆ เช่น การกล่าววาจาให้ร้ายต่อประเทศชาติ การกระทำการที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งลูกเสือจะต้องใช้ความรู้รักสามัคคี และช่วยสอดส่องดูแล เป็นหูเป็นตาให้แก่ทางราชการ ที่จะไม่ให้เกิดภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติในทุกรูปแบบ
-
หน้าที่ต่อศาสนา ไม่ว่าลูกเสือจะนับถือศาสนาใด ขอให้ระลึกและเข้าใจว่าทุกศาสนาต่างมีความมุ่งหมายอย่างเดียวกัน คือสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ละเว้นความชั่ว กระทำแต่ความดี และทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์
-
หน้าที่ต่อพระมหากษัตริย์ มั่นใจว่าลูกเสือได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการที่ทรงอุทิศพระองค์ต่อชาติบ้านเมืองดังที่กล่าวข้างต้น นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นพระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติอีกด้วย ดังนั้น การแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเป็นหน้าที่อันสำคัญของลูกเสือทุกคน
-
หน้าที่ต่อการช่วยเหลือผู้อื่น การเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ถือเป็นหลักประการสำคัญประการหนึ่งของลูกเสือ ซึ่งเป็นที่ยกย่องแก่ประชาชนโดยทั่วไป ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องคือ พ่อแม่ผู้ปกครอง และผู้กำกับลูกเสือ ควรหาโอกาสให้ลูกเสือได้บำเพ็ญประโยชน์ โดยเริ่มจากเรื่องที่ใกล้ตัวก่อน เช่น ที่บ้าน ควรส่งเสริมให้เด็กทำงานในบ้าน ช่วยเหลือพ่อแม่ผู้ปกครอง หรือบำเพ็ญประโยชน์ต่อครอบครัว อันเป็นการปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีอย่างต่อเนื่อง สำหรับโรงเรียนควรส่งเสริมให้เด็กได้ทำงานอันเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ต่อโรงเรียน ให้มากที่สุด โดยสอนลูกเสือได้ตระหนักว่า งานเป็นสิ่งที่มีเกียรติ งานเท่านั้นเป็นเครื่องวัดคุณค่าของคน
พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า การชุมนุมลูกเสือในครั้งนี้ นอกจากจะมีลูกเสือเนตรนารีจากจังหวัดต่าง ๆ รวม 14 จังหวัดแล้ว ยังมีลูกเสือจากมิตรประเทศมาร่วมงานอีกจำนวน 550 คน จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่พวกเราจะได้ศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีของแต่ละประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมร่วมกัน ได้เชื่อมความสัมพันธ์อันดี ตลอดจนได้มีโอกาสแสดงถึงไมตรีจิตของคนไทย จึงขอให้แสดงออกถึงความเป็นเจ้าภาพที่ดี มีน้ำใจ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แสดงออกให้ประเทศเพื่อนบ้านได้เห็นว่า คนไทยมีอัธยาศัยดี มีความเต็มใจ และมีความพร้อมที่จะพัฒนาความเจริญก้าวหน้าอย่างเข้มแข็งไปด้วยกัน

นายการุณ สกุลประดิษฐ์ กล่าวถึงการจัดงานชุมนุมลูกเสือบำเพ็ญประโยชน์เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก “ลูกเสือจิตอาสาทำความดี รวมใจภักดี เทิดไท้องค์ราชัน” กำหนดจัดขึ้น 6 ภาค คือ ภาคเหนือที่เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 1-5 มิถุนายน 2562, ภาคกลางที่ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 3-7 มิถุนายน 2562, ภาคตะวันออกที่ชลบุรี ระหว่างวันที่ 5-9 มิถุนายน 2562, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่นครพนม ระหว่างวันที่ 6-10 มิถุนายน 2562, ภาคใต้และภาคใต้ชายแดนที่สงขลา ระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2562 มีลูกเสือเข้าร่วมภาคละ 6,810 คน (6 ภาค รวมทั้งสิ้น 40,860 คน) โดยเลข 68 หมายถึงพระชนมายุ 68 พรรษา เลข 10 หมายถึงรัชกาลที่ 10 ดังนั้น จึงขอให้ทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้จงภาคภูมิใจว่าครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสเข้าร่วมงานที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากในรัชกาลที่ 10
โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ ได้แก่ 1) เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และน้อมนำพระบรมราโชบายสู่การปฏิบัติ โดยผ่านกิจกรรมลูกเสือ 2) เพื่อให้ลูกเสือและผู้บังคับบัญชาลูกเสือได้ปฏิบัติกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์และวัฒนธรรม สร้างสัมพันธภาพซึ่งกันและกัน 3) เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต และเสริมสร้างจิตอาสาในการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม 4) เพื่อเป็นการเผยแพร่กิจกรรมลูกเสือให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ในงานชุมนุมครั้งนี้ มีจำนวนลูกเสือเนตรนารี และผู้บังคับบัญชาลูกเสือ คณะกรรมการ และเจ้าหน้าที่ร่วมชุมนุม จำนวน 13,620 คน โดยจัดกิจกรรม 2 ส่วนคือ 1) การชุมนุมลูกเสือ กิจกรรมสวนสนาม และกิจกรรมในค่ายลูกเสือ 2) การขยายผลของกิจกรรมลูกเสือจิตอาสาและบำเพ็ญประโยชน์ ซึ่งหลังจากงานชุมนุมครั้งนี้แล้ว ต้องดำเนินการไม่น้อยกว่า 5 ครั้ง ภายในระยะเวลา 3 เดือน (กรกฎาคม-กันยายน 2562) โดยผู้อำนวยการสถานศึกษาเป็นผู้รับรองการปฏิบัติงานจิตอาสาและการบำเพ็ญประโยชน์ของลูกเสือเนตรนารีทุกคน และสถานศึกษารายงานผลไปยังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดต่อไป

นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์ กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงานว่า ในนามประชาชนจังหวัดสงขลามีความรู้สึกยินดีที่กระทรวงศึกษาธิการเลือกจังหวัดสงขลาเป็นสถานที่จัดงานชุมนุมครั้งนี้ โดยมีลูกเสือเนตรนารีเข้าร่วม จากภาคใต้ 6,810 คน และภาคใต้ชายแดน 6,810 คน รวมทั้งสิ้น 13,620 คน ซึ่งจังหวัดสงขลาถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภาคใต้ มีเส้นทางและการคมนาคมที่สะดวก สามารถเดินทางไปจังหวัดภาคใต้ชายแดนได้อย่างสะดวก การจัดงานชุมนุมครั้งนี้ จังหวัดสงขลาร่วมกับทุกภาคส่วนได้ร่วมกันจัดงานที่ยิ่งใหญ่ให้สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของพื้นที่อย่างแท้จริง


































Written by บัลลังก์ โรหิตเสถียร
Photo Credit ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า (VDO), ปกรณ์ เรืองยิ่ง
Rewriter/Editor บัลลังก์ โรหิตเสถียร