จังหวัดสงขลา – พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยพันเอก ดำรงค์ สิมะขจรบุญ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.สุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้แทนองค์กรหลัก เดินทางไปปฏิบัติราชการที่จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2557 เพื่อ
-
ประชุมติดตามผลการดำเนินงานพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย อำเภอหาดใหญ่
รมช.ศธ.กล่าวว่า ที่ประชุมได้ชี้แจงผลการดำเนินแผนงาน/โครงการ ปีงบประมาณ 2558 ซึ่งมีการใช้งบประมาณตามแผนบูรณาการพัฒนาการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 154 โครงการ เป็นเงินประมาณ 3,453 ล้านบาท รวมถึงการดำเนินงานของแต่ละองค์กรหลัก โดยมีศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปบ.จชต.) หรือที่เรียกว่า “ศธ.ส่วนหน้า” ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบูรณาการแผนงานต่างๆ ของแต่ละองค์กรหลักให้มีประสิทธิภาพและมุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์
-
การประชุมเปิดโครงการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ 2559 ของกระทรวงศึกษาธิการ
ที่โรงแรมหรรษา เจบี หาดใหญ่
-
การพัฒนาคุณภาพการศึกษา มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพและผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนให้สูงขึ้น ให้ผู้เรียนสามารถในการอ่านและเขียนภาษาไทยได้คล่อง มีการจัดทำคู่มือการอ่านและเขียนให้ชัดเจน ปรับหลักสูตรให้เหมาะสมกับวัยและระดับการศึกษาของผู้เรียน อีกทั้งให้มีการพัฒนาครูในเรื่องเทคโนโลยีและเทคนิคการสอนด้วย -
การพัฒนาผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาในปัจจุบันมีอายุราชการน้อยและขาดประสบการณ์การทำงาน จึงควรมีการปรับหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้บริหาร สร้างผู้บริหารให้เป็นมืออาชีพ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการและพัฒนาการศึกษาได้ดียิ่งขึ้น -
ควรมีการพัฒนาครูให้ครบทุกกลุ่มสาระวิชา ตรงกับวิชาที่สอน สร้างขวัญและกำลังใจ เพื่อลดอัตราการย้ายออก สนับสนุนให้มีครูธุรการครบทุกโรงเรียน เพื่อให้ปฏิบัติงานได้เต็มประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้ครูอยู่ในห้องเรียนมากที่สุด และสร้างครูให้เป็นครูมืออาชีพ -
บุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นอัตราจ้างพนักงานราชการ ทำให้มีอัตราการลาออกบ่อยครั้ง เนื่องจากรู้สึกไม่มีความมั่นคงในอาชีพ รวมถึงสวัสดิการ ขวัญและกำลังใจ จึงควรกำหนดหลักเกณฑ์ในการสรรหาและบรรจุแต่งตั้งบุคลากรที่มีประสบการณ์ให้มีโอกาสทำงานที่มั่นคง มีความรู้สึกมั่นคงในอาชีพ -
การพัฒนา เสริมสร้างโอกาสและการมีอาชีพ ควรจัดให้มีการแนะแนวอาชีพให้แก่นักเรียนและผู้ปกครองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อปรับทัศนคติและค่านิยมที่เน้นการเรียนสายศาสนาและสายสามัญมากกว่าสายอาชีพ ตั้งชมรมอาชีพในโรงเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาเพื่อปลูกฝังค่านิยมเรื่องอาชีพให้กับนักเรียน ดำเนินการเรียนการสอนแบบทวิภาคีเพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยี ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มผู้เรียนสายอาชีพจากปัจจุบัน ร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 15 พัฒนาทักษะอาชีพให้สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่และความต้องการของตลาดแรงงาน ยกระดับมาตรฐานวิชาชีพและทักษะแรงงานให้สูงขึ้น หากดำเนินการได้ดังนี้ ก็จะช่วยให้มาตรฐานวิชาชีพและทักษะของผู้เรียนสูงขึ้น และส่งเสริมการฝึกอาชีพระยะสั้นให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน -
การสนับสนุนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้มีการแนะแนวในสถานศึกษาอย่างจริงจัง ทั้งระดับก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา และสายอาชีพ เน้นการปฏิบัติตามค่านิยมหลัก 12 ประการตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เด็กไทยมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กในพื้นที่ห่างไกล -
การพัฒนาการศึกษาสู่อาเซียน ควรพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะการเรียนการสอนภาษาไทย เนื่องจากนักเรียนนักศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่สามารถใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้ดี ทำให้เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ การเรียนการสอนภาษาต่างประเทศไม่ได้สอนตามกระบวนการ คือ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน จึงต้องมีการปรับกระบวนการเรียนการสอนภาษาให้ถูกต้อง รวมถึงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา และการส่งเสริมให้ครูใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอน
ภาพ :
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน
Published 9/12/2557