ตรวจเยี่ยม รร.อนุบาลโคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร
1) กิจกรรมเกมและกิจกรรมตามกลุ่มสาระ ซึ่งเป็นการซ่อมเสริม 8 กลุ่มสาระ
2) กิจกรรมส่งเสริมอาชีพ ช่วงชั้นละ 6 อาชีพ เช่น ด้าน IT, ประดิษฐ์ของเล่นของใช้, อาหาร, เสริมสวย ฯลฯ
3) กิจกรรมเสรี 10 กิจกรรม เช่น ดนตรี, นักสืบน้อย, พิธีกร, การละเล่นพื้นบ้าน, คณิตหรรษา, ท่องโลกออนไลน์, กีฬา ฯลฯ โดยให้เด็กเลือกเข้ากิจกรรมตามความสนใจ และภายหลัง 1 เดือนสามารถเปลี่ยนไปเข้าร่วมกิจกรรมอื่นได้ตามความถนัดของแต่ละบุคคล ซึ่งกิจกรรมยอดนิยมที่นักเรียนได้ให้ความสนใจมากที่สุด คือ กีฬา มากถึงร้อยละ 60
“การประกวด-ประเมิน-ประกัน ทำให้ครูประสาทกิน” เป็นคำกล่าวที่ รมช.ศึกษาธิการ ย้ำในการหารือครั้งนี้ว่า ได้ต่อสู้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประเมินภายนอกและภายในสถานศึกษา การประกันคุณภาพ เพื่อให้โรงเรียนเลิกเป็นทาสกระดาษ ซึ่งจะต้องไปปรับรูปแบบและตัวชี้วัดให้เหลือน้อยที่สุด เช่น ที่ผ่านมาประเมินด้านสุนทรียภาพของเด็ก แทนที่จะประเมินว่าเด็กที่จบออกไปเรียนต่อสาขาอะไรหรือไม่อย่างไร นอกจากนี้ ในปีการศึกษา 2559 ข้อสอบ O-NET ภาษาไทย จะเริ่มใช้ข้อสอบอัตนัยร้อยละ 20 ดังนั้น ทั้งครูผู้สอน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบการทดสอบของประเทศ คือ ทปอ. และ สทศ. จึงควรปรับรูปแบบการเรียนการสอนและนโยบายในการจัดสอบให้ขยับล้อตามกันไปด้วย (Alignment) เพื่อให้เป็นทิศทางเดียวกัน
“การยกระดับภาษาอังกฤษของผู้เรียน และสะเต็ม“ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ทั้งสองนโยบายนี้เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง โดย :
– นโยบายการยกระดับภาษาอังกฤษ จะเน้นเริ่มต้นให้เด็กสนใจที่จะเรียนจากแรงบันดาลใจและความจำเป็นที่จะต้องเรียน โดยการให้ดาราที่มีชื่อเสียงของไทย เช่น จาพนม ซึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ใช้เวลาเรียนเพียง 1-2 ปีก็สามารถสัมภาษณ์ฮอลลีวู้ดได้อย่างคล่องแคล่ว โดยนโยบายนี้จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีที่สร้างสรรค์มาใช้ร่วมกับการจ้างครูผู้สอนภาษาอังกฤษจากต่างประเทศเข้ามาสอน โดยจะเริ่มต้นวางรากฐานในนโยบายนี้แบบค่อยเป็นค่อยไป
– สะเต็ม หรือ STEM ซึ่งเป็นคำย่อมาจากศาสตร์ใน 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) อันหมายถึงองค์ความรู้วิชาการของศาสตร์ทั้งสี่ที่มีความเชื่อมโยงกันในโลกของความเป็นจริงที่ต้องอาศัยองค์ความรู้ต่างๆ มาบูรณาการเข้าด้วยกันในการดำเนินชีวิตและการทำงาน เพราะเมื่อเราตื่นขึ้นมาก็เห็น STEM เต็มไปหมด เพราะเป็นสิ่งที่อยู่รายล้อมรอบตัวเรา วิธีการที่สำคัญสำหรับครูในการส่งเสริมเด็กจึงควรเป็นการ “ตั้งคำถาม” ให้เด็กคิดและหาคำตอบเอง เช่น พัดลม แอร์ทำงานได้อย่างไร, เราสามารถสูบน้ำจากใต้ดินขึ้นมาได้อย่างไร, สิ่งเหล่านี้สามารถฝึกให้เด็กคิดได้ทุกวัน โดยไม่ได้ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณอะไรเลย
“โรงเรียนคุณธรรม” เป็นรูปแบบโรงเรียนคุณธรรมที่นำแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาดำเนินการเพื่อ
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า โลกปัจจุบันทำให้เด็กใช้อุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีมากขึ้น แต่การที่เด็กๆ อ่านหนังสือจาก Smartphone นั้น ความจำจะต่ำกว่าอ่านจากหนังสือหรืออ่านในห้องสมุด แต่ในทางกลับกันเทคโนโลยีก็มีหลายสิ่งที่หนังสือทำไม่ได้ ครูผู้สอนจึงควรแนะนำให้เด็กเรียนรู้อย่างเหมาะสม ยิ่งปัจจุบันหลายอาชีพ เช่น ครู หมอ คนขับรถ เวลาทำงานต้องเหลือบไปอ่านไลน์ กลายเป็นโรค LD (Line Disorder) กันมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ครูต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับเด็กๆ ด้วย
โอกาสนี้ รมช.ศึกษาธิการ ได้พบปะกับผู้ปกครองนักเรียนชั้น ป.1 รายหนึ่งซึ่งมาส่งลูกเข้าเรียน ซึ่งผู้ปกครองก็ได้ชี้แจงประเด็นโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ว่า ตอนแรกรู้สึกเป็นห่วง เพราะโดยปกติลูกตนเองก็เรียนไม่ค่อยทันเพื่อนอยู่แล้ว กลัวว่าลดเวลาเรียนจะยิ่งทำให้โง่ไปใหญ่ แต่เมื่อได้เห็นแนวทางการจัดกิจกรรมและได้พูดคุยกับลูกที่บ้านในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงรู้ว่ากิจกรรมต่างๆ ที่โรงเรียนได้จัดเตรียมไว้ ทำให้ลูกได้รู้อะไรๆ กว้างมากขึ้นกว่าเดิม จึงยืนยันว่าเป็นโครงการที่ดีสำหรับผู้ปกครองและเด็กๆ ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากกว่าเรียนในห้องเรียนอย่างเดียว
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน
10/11/2558