เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม 2561 ศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School) ที่โรงเรียนวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท และโรงเรียนวัดนิเวศวุฒาราม จังหวัดนครสวรรค์
ศ.
อีกทั้งหลักการสำคัญของโครงการ
-
อิสระในการออกแบบหลักสูตร ในสัดส่วนร้อยละ 30 ของเวลาเรียน ซึ่งจะทำให้เป็นโรงเรียนต้นแบบที่จะสร้างอนาคต
สร้างอาชีพให้กับนักเรียน เชื่อมโยงและร่วมแก้ปัญหาของชุมชน -
อิสระในการออกแบบจัดการเรียนการสอน โดยเน้นการคิดวิเคราะห์ ครูต้องปรับรูปแบบการเรียนการสอนที่ต้องหมั่นตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนได้ฝึกคิด จากนั้นจึงใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง พานักเรียนมาเรียนของจริงในสถานที่จริง หรือสถานประกอบการ หรือชุมชน สามารถบูรณาการการเรียนการสอนในวิชาต่าง ๆ ได้ในเวลาเดียวกัน
-
อิสระในการบริหารจัดการ โดยรูปแบบของโรงเรียนร่วมพัฒนามีความพิเศษคือ ขึ้นตรงกับเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยตรง มีการปลดล็อคระเบียบต่าง ๆ ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น มีคณะกรรมการสถานศึกษาที่มาจากผู้แทน 4 ฝ่ายเข้ามาช่วยบริหารจัดการ คือ ภาคประชาสังคม ท้องถิ่น ภาคเอกชน และมหาวิทยาลัยในพื้นที่เป็นพี่เลี้ยง โดยมีผู้แทนภาคเอกชนเป็นประธานกรรมการสถานศึกษา เพื่อจะได้นำแนวคิดการทำงานแบบใหม่ ๆ ที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโรงเรียนให้ไปสู่เป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด จะมีบทบาทในการช่วยส่งเสริมสนับสนุนงานในด้านต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วง ถือเป็นจุดเริ่มต้นสนองตอบต่อ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2561 ที่ระบุไว้ว่า “…จัดให้มีการร่วมมือกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ในการจัดการศึกษาทุกระดับ และ โดยรัฐมีหน้าที่ดำเนินการ กำกับ ส่งเสริม และสนับสนุนให้การจัดการศึกษาดังกล่าว มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล…”
“โรงเรียนร่วมพัฒนา จึงเปรียบเสมือนหัวขบวนในการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของ
1) โรงเรียนวัดสิงห์ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 5
นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในนามของ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ และในฐานะศิษย์เก่าโรงเรียนวัดสิงห์ มีความยินดีที่จะช่วยประสานงานและบูรณาการด้านต่าง ๆ ตามแนวทางของโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาอย่างเต็มที่ โดยจะนำหลักคิดการพัฒนาคนให้เป็นคนที่มีคุณภาพ 3 ประการ ของนายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่
1) ทักษะชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำรงชีวิตอยู่ในสังคม
2) ทักษะอาชีพ เพื่อให้เด็กจบการศึกษาแล้วมีอาชีพติดตัว เพราะเราไม่สามารถคาดการณ์อาชีพในอนาคตได้ทั้งหมด หากมีความรู้เรื่องอาชีพตั้งแต่เด็กจะเป็นผลดีกับเด็กอย่างที่สุด
3) คุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้เด็กเป็นคนเก่งและคนดีของสังคมต่อไป ส่วนการเรียนรู้ทางวิชาการ ของโรงเรียนวัดสิงห์ก็มีความเข้มแข็งมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงศึกษาธิการ ภาคเอกชน และชุมชน ที่มีความมุ่งมั่นต้องการพัฒนาโรงเรียนอย่างจริงจัง ก็จะทำให้โรงเรียนวัดสิงห์เป็นต้นแบบของโรงเรียนร่วมพัฒนาที่ประสบผลสำเร็จได้
นายเกษม เกตุดี ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสิงห์ กล่าวว่า โรงเรียนวัดสิงห์มีแนวทางการบริหารและการจัดการโดยใช้นวัตกรรมการบริหารจัดการศึกษา Watsing Model ผ่านโครงการที่สำคัญต่าง ๆ ซึ่งได้นำเสนอและได้รับความร่วมมือจาก
– โครงการ OTOP Junior โดยมีการตั้งชมรมและนำวัสดุ/วัตถุดิบที่มีอยู่ในบริเวณโรงเรียนทั้งป่ากล้วยและป่าไผ่ มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อฝึกทักษะอาชีพให้นักเรียน และในอนาคตจะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาทำเป็นสินค้าโอท็อปของโรงเรียนเพื่อจำหน่าย เกิดการสร้างรายได้ให้นักเรียนต่อไป
– โครงการพัฒนาภูมิทัศน์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9
– โครงการอ่านเถิดเด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน (Read Thai) โดยส่งเสริมให้เด็กใช้เวลาว่างหลังอาหารกลางวัน 15 นาที อ่านหนังสือที่มีประโยชน์ และมีครูบรรณารักษ์และครูภาษาไทยดูแลให้คำแนะนำ
– โครงการส่งเสริมอาชีพประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ เป็นโครงการที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้วัสดุไม้จักสานเป็นหลัก ร่วมกับผักตบชวา ใบตาล ลดการใช้พลาสติก เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งที่ผ่านมาได้นำผลงานไปประกวดในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน และเป็นตัวแทนแข่งขันในระดับชาติ
– โครงการศูนย์เรียนรู้ด้านกีฏวิทยา เพื่อศึกษาวงจรชีวิตของแมลง เชื่อมโยงกับวิชาชีววิทยา
– โครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนด้านกีฬาวอลเลย์บอล โดยนักเรียนโรงเรียนวัดสิงห์มีความสามารถด้านกีฬาวอลเลย์บอล และได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนแข่งขันจนได้รับรางวัลจำนวนมาก
สำหรับสิ่งที่จะขอรับการสนับสนุน เช่น พาหนะของโรงเรียนที่มีอายุการใช้งานนาน ส่งผลถึงความปลอดภัยของครูและเด็กเมื่อเดินทางไปแข่งขันกีฬาหรือร่วมกิจกรรมต่าง ๆ, การขาดแคลนสื่อและอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ โปรเจ็กเตอร์ เป็นต้น
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 1
ทั้งนี้ ต้องการให้โรงเรียนให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะชีวิตให้นักเรียน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ทำความสะอาดห้องน้ำ หรือพื้นที่โรงเรียน เพราะเมื่อเด็กกลับไปบ้านจะนำทักษะเหล่านี้ไปช่วยพ่อแม่ผู้ปกครองได้
อีกเรื่องที่อยากฝากไปถึงโรงเรียนคือ ช่วยกันคิดแนวทางขับเคลื่อนโรงเรียนใน 5 ปีข้างหน้าว่าควรจะเป็นอย่างไร วาง Positioning ของโรงเรียนเอาไว้ เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันดำเนินการไปสู่เป้าหมาย
นายสุมล สุมังเกษตร ผู้อำนวยการโรงเรียน
Photo Credit
Editor