บรรยาย รมช.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังผลักดันประเทศให้ก้าวไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน หรือ ในส่วนของการอุดมศึกษานั้น ต้องมีทิศทางการพัฒนาที่จะต้องสอดรับกับนโยบายดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 ด้วยการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้าง “นวัตกรรม” ซึ่งความสำเร็จของการสร้างนวัตกรรม จะต้องมีผลในทางการค้า (Commerce) ด้วย แม้ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยหลายแห่งได้พัฒนางานวิจัยต่างๆ ออกมา หรือวงการแพทย์ไทยที่มีชื่อเสียง ก็ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากลับพบปัญหาของการอุดมศึกษาไทย โดยเฉพาะเรื่องธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา ส่วนใหญ่เกิดจากผู้บริหาร กรรมการสภามหาวิทยาลัย และการจัดหลักสูตร แต่ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ส่วนใหญ่ยังคงทำดี ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จึงไม่จำเป็นต้องสร้างกฎเกณฑ์กติกาต่างๆ มากมาย เพื่อลงไปกำกับดูแลมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ที่ดีๆ แต่ควรลงไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้กับมหาวิทยาลัยที่สงสัยว่าทำไม่ดี หรือเมื่อมีปัญหาที่เกิดขึ้น รมช.ศึกษาธิการ อธิบายเพิ่มเติมถึงประเด็น ในการปลูกฝังสิ่งที่ดีงามให้เด็กและเยาวชน จึงเป็นเรื่องสำคัญมากต่ออนาคตประเทศ โดย รมช.ศึกษาธิการ กล่าวในประเด็นนี้ว่า ตนเองได้มีส่วนผลักดันและก่อสร้างมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ของไทย ร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งมุ่งหวังจะให้เป็น The Best University ของประเทศ คาดว่าจะเสร็จในปีหน้า คือ “สถาบันภูมิราชธรรม” ซึ่งจะเน้นสอนทศพิธราชธรรม และเป็นมหาวิทยาลัยประเภท “เรียนกินนอน” ให้เรียนฟรี จะเปิดสอนใน 2 หลักสูตรก่อนในลำดับแรก คือ ภาษาอังกฤษและศึกษาศาสตร์ โดยมี รมช.ศึกษาธิการ กล่าวย้ำด้วยว่า การปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากจะต้องมีการกำหนดนโยบายที่ผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนแล้วว่าจะต้องสอดคล้องกับความต้องการในการพัฒนาประเทศแล้ว สิ่งสำคัญอย่างมากคือ ผู้บริหารและองค์คณะบุคคลต่างๆ เพราะข้อเท็จจริงในปัจจุบันยืนยันได้ว่าบอร์ดที่ประสบความสำเร็จในโลก มีการคัดสรร CEO เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับการศึกษาหรือมหาวิทยาลัย ต้องมีวิธีการเลือกสรรผู้บริหารที่ดี โดยบอร์ดเพียงแต่ทำหน้าที่ดูแลเชิงนโยบายเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเสมือนสหภาพที่จะคอยไปกำกับหรือกำหนดกฎเกณฑ์กติกาต่างๆ ให้เกิดปัญหาต่อการจัดการศึกษา
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน/ถ่ายภาพ
27/8/2559