บูรณาการด้านการศึกษา ภาคใต้
พล.อ.สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายอดินันท์ ปากบารา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นายอำนาจ วิชยานุวัติ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนผู้ตรวจราชการ ศึกษาธิการภาค ศึกษาธิการจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักเขตพื้นที่การศึกษา ข้าราชการ บุคลากรทางการศึกษา และเจ้าหน้าที่ ร่วมรับฟังการสรุปผลการระดมความคิดเห็น รวมทั้งข้อเสนอแนะการดำเนินงานบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค (ภาคใต้)
เมื่อวันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วิทยาเขตสตูล อำเภอละงู จังหวัดสตูล
พล.อ.สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล
ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการที่ได้เดินทางไปรับฟังการสรุปผลการระดมความคิดเห็นในทุกภาคที่ผ่านมา พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ได้เน้นย้ำถึงการน้อมนำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (ในหลวงรัชกาลที่ 9) มาเป็นแนวทางการขับเคลื่อนการทำงาน อาทิ พระบรมราโชวาทตอนหนึ่งว่า “งานด้านการศึกษาเป็นงานสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชาติ เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้น ขึ้นอยู่กับการศึกษาของพลเมืองเป็นข้อใหญ่ ดังนั้น จึงต้องจัดการศึกษาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น” (ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตวิทยาลัยวิชาการศึกษา ประสานมิตร 12 ธันวาคม 2512) รวมทั้งพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (ในหลวงรัชกาลที่ 10) ที่มุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน ได้แก่ การสร้างทัศนคติที่ดีต่อบ้านเมือง, การสร้างลักษณะพื้นฐานที่มั่นคง มีคุณธรรม, เรียนแล้วมีงานทำ มีอาชีพ และเป็นพลเมืองดี ในส่วนของผลการดำเนินงานขับเคลื่อนการบูรณาการด้านการศึกษาในภาคใต้ ได้จัดประชุมระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2561 ที่จังหวัดสตูล เพื่อทบทวนแผนการบูรณาการด้านการศึกษาในภาคใต้ ซึ่งได้มีการจัดประชุมกลุ่มย่อยเพื่อระดมความเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนอย่างเข้มข้น ประกอบด้วย
กลุ่มย่อยที่ 1 การขับเคลื่อนแผนบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค (ภาคใต้) ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งเน้นการพิจารณาแผนบูรณาการตามที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ว่ามีแผนการที่จะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ พร้อมทั้งวางแนวทางที่จะขอรับการจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ.2563
กลุ่มย่อยที่ 2 การประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา ซึ่งในห้วงเวลาที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการได้เดินหน้าโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาประเทศให้รองรับการเป็น Thailand 4.0 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาการศึกษาที่เชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมทั้ง First S-Curve และ New S-Curve จึงเกิดเป็นแนวคิดในการพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา อาทิ การส่งเสริมให้เด็กสนใจเข้าเรียนอาชีวศึกษามากขึ้น ด้วยการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครองโดยการเชื่อมโยงหลักสูตรตั้งแต่ระดับประถมศึกษาไปสู่อาชีวศึกษาและอุดมศึกษา พร้อมกับปรับปรุงหลักสูตรเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เรียนจบแล้วมีทักษะความสามารถประกอบอาชีพได้ ซึ่งจะช่วยผลิตกำลังคนด้านอาชีวศึกษาสู่ตลาดแรงงานได้มากขึ้น เป็นต้น
กลุ่มย่อยที่ 3 การระดมความคิดเห็นเพื่อต่อยอดขยายผลการดำเนินงานพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา โดยกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาตามการบริหารราชการทั้ง 6 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออก จังหวัดระยอง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดศรีสะเกษ, ภาคกลาง จังหวัดกาญจนบุรี, ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่, ภาคใต้ชายแดน จังหวัดปัตตานี และ
ภาคใต้ จังหวัดสตูล โดยสถานศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาเหล่านี้จะมีอิสระในการบริหารจัดการ ครูในพื้นที่สามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น เกิดการสร้างนวัตกรรมภายใต้ความเชื่อมโยงกับภาคีต่าง ๆ โดยใช้กลไกประชารัฐเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินงาน เป็นต้น
“มั่นใจได้ว่าแผนบูรณาการศึกษาด้านต่าง ๆ จากการประชุมทบทวนในครั้งนี้ จะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 รวมทั้งสอดคล้องกับแนวทางยุทธศาสตร์เชิงนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการพัฒนาให้ภาคใต้เป็น เมืองท่องเที่ยวพักผ่อนตากอากาศระดับโลก เป็นศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ยางพาราและปาล์มน้ำมันของประเทศ และเมืองเศรษฐกิจเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนกับภูมิภาคอื่นของโลก ” พล.อ.ทัศน์ กล่าว
นายอำนาจ วิชยานุวัติ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดสตูลครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมการขับเคลื่อนการบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 จากที่เคยได้ประชุมไปแล้วที่จังหวัดระยอง จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดเชียงรายในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งในการทำงานครั้งนี้มุ่งเน้น 3 เรื่องสำคัญดังกล่าว คือ
1) การขับเคลื่อนแผนการบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจากนโยบายรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการเห็นภาพการทำงานด้านการศึกษาที่เกิดจากความต้องการของพื้นที่และตอบสนองบริบทที่แตกต่างกันอย่างแท้จริง
2) กระทรวงศึกษาธิการมีความตั้งใจพัฒนาหลักสูตรที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันตั้งแต่การศึกษาขั้นพื้นฐาน การอาชีวศึกษา และการอุดมศึกษา เนื่องจากเดิมนั้นต่างฝ่ายต่างแยกกันดำเนินงาน ขณะที่ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายให้ทุกภาคส่วนดำเนินงานอย่างเชื่อมโยงกัน ซึ่งผู้ที่ทำได้คือสถานศึกษาและหน่วยงานในพื้นที่ วันนี้จึงให้โจทย์ว่าหน่วยงานในพื้นที่ควรคิดค้นหาหลักสูตรที่สามารถทำได้ในเบื้องต้นก่อน ซึ่งหลายจังหวัดสามารถทำออกมาได้ดีและนำไปเป็นต้นแบบได้ รวมถึงเชื่อมั่นว่าจะมีหลายพื้นที่สามารถทำหลักสูตรที่เหมาะสมออกมาได้
3) รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาอย่างมาก โดยเฉพาะการศึกษาขั้นพื้นฐานขณะนี้มีโรงเรียนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กว่า 30,000 แห่ง แต่ละพื้นที่ก็มีบริบทที่แตกต่างกัน ดังนั้นการทำงานในรูปแบบ Top Down เหมือนที่เคยทำมา จึงไม่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาจึงมอบนโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินงานในพื้นที่นำร่อง 6 ภาค ซึ่งแต่ละภาคก็จะมีนวัตกรรมการศึกษาที่แตกต่างกันออกไป
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการคาดหวังว่าทั้ง 3 เรื่องดังกล่าว จะส่งผลให้การศึกษาของประเทศมีการพัฒนาขึ้น สามารถตอบโจทย์ของประเทศ รวมถึงพัฒนาคนให้มีศักยภาพเพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวการณ์โลกในปัจจุบัน
“วันนี้เราให้แต่ละพื้นที่ค้นหาความต้องการของตนเอง เช่น จังหวัดสตูลเป็นพื้นที่สำคัญในการจัดกระบวนการดูแลพัฒนาเด็ก และกระบวนการวิจัย โดยมีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ และหน่วยงานในพื้นที่เข้ามาเป็นพี่เลี้ยง ทำให้กระบวนงานที่เกิดขึ้นช่วยพัฒนาเด็กเพื่อให้เกิดการพัฒนาแบบองค์รวม คือ เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์เป็น มีเหตุมีผล เรียนรู้อย่างเข้าใจมากกว่าการจำ หรือเรียกว่า Active Learning มากกว่า Passive Learning” นายอำนาจ กล่าว
|
Written by อรพรรณ ฤทธิ์มั่น, ปารัชญ์ ไชยเวช
Photo Creditยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี, ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า Rewriter นวรัตน์ รามสูต
Editorบัลลังก์ โรหิตเสถียร