ผลประชุมองค์กรหลัก
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมองค์กรหลัก ครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันอังคารที่ 30 มกราคม 2561 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ โดยมีผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการเข้าร่วมประชุม อาทิ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, ผู้บริหารฝ่ายการเมือง, นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ฯลฯ โดยมีประเด็นสำคัญโดยสรุป ดังนี้
● เตรียมขยาย “ห้องเรียนดนตรี” ไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศในปีการศึกษา 2561
นายพะโยม ชิณวงศ์ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบผลการดำเนินงานโครงการห้องเรียนกีฬา ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และโรงเรียนในภูมิภาค ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ความสำคัญกับเด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านดนตรี ศิลปะ และอื่น ๆ ดังนั้น รมว.ศึกษาธิการ จึงต้องการให้มีการขยายผลโครงการ “ห้องเรียนดนตรี” ในทุกภาค โดยความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ที่มีวิทยาลัยดนตรีในสังกัดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นด้านวงโยธวาทิต, Modern Band, การขับร้องประสานเสียง ดนตรีไทย หรืออื่น ๆ คาดว่าปีการศึกษา 2561 จะเริ่มขยายโครงการห้องเรียนดนตรีไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศได้ โดยใช้โมเดลของโรงเรียนกีฬาเป็นต้นแบบ ซึ่งที่ประชุมมอบหมายให้ รมช.ศึกษาธิการ (พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์) เป็นผู้กำกับดูแล
● ศธ.พร้อมขับเคลื่อนโครงการ “ไทยนิยมยั่งยืน” ของรัฐบาล
รัฐบาลได้จัดทำ “โครงการไทยนิยมยั่งยืน” โดยกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพ ส่วนกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นทีมงานหลัก จะดำเนินการลงพื้นที่ขับเคลื่อนทุกระดับตั้งแต่จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป เพื่อวิเคราะห์ปัญหาความเดือดร้อนรายครัวเรือน รายบุคคล ค้นหาความต้องการของประชาชนและชุมชน เพื่อจัดทำโครงการเสนอตามกรอบการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ สร้างการรับรู้ ปรับแนวคิด เพื่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนา
ทั้งนี้ ศธ.จะมุ่งเน้นการทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับภารกิจของกระทรวง เช่น โครงการห้องเรียนกีฬา ห้องเรียนดนตรี โครงการส่งเสริมภาษาอังกฤษ โครงการ Hi-Speed Internet คูปองครู สิทธิการเรียนฟรี Fix-It Centerเป็นต้น โดยมอบปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นายการุณ สกุลประดิษฐ์) เป็นผู้รับผิดชอบหลัก
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ขอพื้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ) ไปกำกับดูแล เพื่อพัฒนางานด้านดาราศาสตร์ของประเทศเข้าด้วยกันให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมีพลัง ซึ่ง ศธ.ยินดีมอบให้ ส่วนรายละเอียดการจัดสรรบุคลากรนั้นยังไม่ได้มีการหารือกัน เนื่องจากต้องพิจารณากฎหมายประกอบ หากสามารถโอนได้ ศธ. ก็ยินดีดำเนินการ
ทั้งนี้ 10 อุตสาหกรรมหลัก คือ การต่อยอด 5 อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ (First S-curve) ประกอบด้วย 1) อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next – Generation Automotive) 2) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) 3) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Affluent, Medical and Wellness Tourism) 4) การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnolgy) 5) อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร (Food for the Future) และการเติม 5 อุตสาหกรรมอนาคต (New S-curve) ประกอบด้วย 1) อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) 2) อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics) 3) อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) 4) อุตสาหกรรมดิจิตอล (Digital) 5) อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)
ที่ประชุมเห็นว่า หากรอบัณฑิตใหม่อีก 4 ปี อาจจะไม่ทันความต้องการของภาคอุตสาหกรรม จึงต้องพิจารณาว่าสาขาใดที่มีความต้องการเร่งด่วนภายใน 1-2 ปี ต้องผลิตบัณฑิตให้ได้ เช่น ช่างอากาศยาน วิศวกรระบบราง วิศวกรแมคคาทรอนิกส์ เป็นต้น ซึ่งอาจใช้แนวทางดังนี้
-
ดึงผู้ที่มีประสบการณ์หรือทำงานอยู่แล้วเข้ามาในหลักสูตร โดยนำความสามารถและประสบการณ์ทำงานมาเทียบ จากนั้นทางมหาวิทยาลัยจะจัดหลักสูตรเพิ่มทักษะหรือวิชาการให้เป็นหลักสูตร 1 ปี แล้วมอบประกาศนียบัตรรับรอง หรืออาจจะจัดหลักสูตร 2 ปี เมื่อจบแล้วได้รับปริญญาตรี เป็นต้น
-
ให้โอกาสผู้ที่เรียนจบระดับ ปวส. มาเรียนต่อในหลักสูตร 2 ปี หรือนักศึกษาชั้นปีที่ 3-4 ในระบบปกติ สามารถเปลี่ยนมาเรียนหลักสูตรเหล่านี้ได้ทันที
จากแนวทางดังกล่าว คาดว่าจะตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติได้เร็วยิ่งขึ้น ขณะที่การพัฒนาหลักสูตรนั้นจะเชิญภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายเข้ามาร่วมให้ความเห็นเกี่ยวกับหลักสูตรด้วย โดยใช้ความต้องการของสาขาวิชาเป็นตัวตั้ง แล้วเปิดให้ทุกมหาวิทยาลัยเข้ามาแข่งขันกัน ซึ่ง สกอ.จะมีเงื่อนไขการพิจารณาอย่างเข้มข้น หากมหาวิทยาลัยใดทำได้ตามที่ สกอ.กำหนด จะได้เข้าร่วมโครงการนี้ โดยมีเงินที่รัฐบาลสนับสนุนให้ด้วย
ปารัชญ์ ไชยเวช: สรุป
31/1/2561