พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมองค์กรหลัก ครั้งที่ 11/2561 เมื่อวันอังคารที่ 22 พฤษภาคม 2561 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ โดยมีผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการเข้าร่วมประชุม อาทิ ศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, ผู้บริหารฝ่ายการเมือง, นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา, นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา, นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, นายณรงค์ แผ้วพลสง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, นายพีระ รัตนวิจิตร รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งผู้บริหารองค์กรหลักและหน่วยงานในกำกับ

ภายหลังการประชุม รมช.ศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้นายพีระ รัตนวิจิตร แถลงผลการประชุม โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
ที่ประชุมได้รับทราบการขับเคลื่อน “โครงการไทยนิยม ยั่งยืน” รอบที่ 4 ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมาไปจนถึงเดือนมิถุนายนนี้ โดยคณะรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือให้นิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา 8,000 กว่าคนทั่วประเทศ ได้ลงพื้นที่ร่วมกับทีมขับเคลื่อนฯ ออกไปสำรวจข้อมูลในแต่ละอำเภอ จึงฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการประสานงานร่วมกันในการลงพื้นที่เก็บข้อมูลครั้งนี้ ซึ่งเป็นการสร้างการรับรู้และทำความเข้าใจกับประชาชนตั้งแต่ระดับตำบลไปจนถึงหมู่บ้านและชุมชน
ที่ประชุมได้รับทราบ การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2561 ภาคเหนือตอนล่าง 2 (ครอบคลุมจังหวัดกำแพงเพชร พิจิตร อุทัยธานี และนครสวรรค์ ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดฯ) โดยจะมีการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ในวันจันทร์ที่ 11 มิถุนายนนี้ รวมทั้งการประชุม ครม. ในวันอังคารที่ 12 มิถุนายนนี้ ที่จังหวัดนครสวรรค์
ที่ประชุมได้รับทราบ “วันที่ 23 พฤษภาคม วันปลูกต้นไม้แห่งชาติ” โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันปลูกต้นไม้ต่าง ๆ เช่น ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น ฯลฯ ให้เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ และขอให้หน่วยงานนั้น ๆ ติดตามรายงานผลการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐบาลด้วย
ที่ประชุมได้รับทราบมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้เห็นชอบหลักการเกี่ยวกับ “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education)” ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำหลักสูตรดังกล่าวไปพิจารณาปรับใช้กับกลุ่มเป้าหมายทุกระดับชั้นเรียน และให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. นำหลักสูตรนี้ไปปรับใช้ในโครงการฝึกอบรมหลักสูตรข้าราชการ บุคลากรภาครัฐ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่บรรจุใหม่ รวมทั้งให้พิจารณากำหนดกลุ่มเป้าหมายของหลักสูตรโค้ชให้มีความชัดเจน โดยให้หมายความรวมถึงบุคลากรทางการศึกษา เช่น ครู อาจารย์ หรือผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ทั้งในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรอุดมศึกษาด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้บุคลากรทางการศึกษาที่เข้ารับการอบรมหลักสูตรดังกล่าวสามารถนำไปใช้ในการถ่ายทอดความรู้หรือช่วยในการจัดการเรียนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบ โดยเร่งดำเนินการและรายงานผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย
ที่ประชุมได้มอบหมายให้แต่ละองค์กรหลักและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ รวบรวมข้อมูลเพื่อเตรียมนำเสนอผลงานของกระทรวงศึกษาธิการ ในการปฏิรูปการศึกษารอบ 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2557-2560) โดยให้ทุกหน่วยงานสรุปข้อมูลส่งสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ในวันที่ 25 พ.ค.นี้ เพื่อให้ สป.ศธ. รวบรวม และทุกหน่วยงานนำเสนอในที่ประชุมองค์กรหลักครั้งที่ 12/2561 วันที่ 28 พ.ค.นี้ อย่างกระชับไม่เกิน 10 นาที โดยเน้น 4 ประเด็นหลัก คือ 1) นโยบายและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี 2) แนวทางการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงาน 3) ผลสัมฤทธิ์ของงาน 4) Quick Win หรือแผนปฏิบัติการเร่งรัดที่ก่อให้เกิดผลที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
จากนั้น สป.ศธ.จะได้เรียบเรียงเพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบในการประชุมวันที่ 5 มิ.ย. ต่อไป และขอให้ประสานกับสำนักอำนวยการ สป.ศธ. (กลุ่มสารนิเทศ) ในการสร้างความรับรู้ความเข้าใจและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนรับทราบในวงกว้างต่อไปด้วย




Written by อรพรรณ ฤทธิ์มั่น, บัลลังก์ โรหิตเสถียร
Photo Credit ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า
Editor บัลลังก์ โรหิตเสถียร