ผลิตกำลังคนรองรับ EEC

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
(สอศ.) จัดประชุมพิจารณากรอบแนวทางการผลิตและพัฒนากำลังคนตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(Eastern Economic
Corridor : EEC) โดย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เป็นประธานการประชุม และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า
10 หน่วยงานเข้าร่วมประชุม
เมื่อวันจันทร์ที่
24 เมษายน 2560
กระทรวงศึกษาธิการ

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ กล่าวว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน
2559 เห็นชอบหลักการ “โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern
Economic Corridor Development : EEC)” ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน
เพื่อส่งเสริม
10 อุตสาหกรรมเป้าหมายให้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต
(
New Engine of Growth) โดยมีกรอบแนวคิดในการดำเนินโครงการ
ดังนี้

  • พื้นที่ดำเนินการ โดยดำเนินการใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี
    จังหวัดระยอง และจังหวัดฉะเชิงเทรา แบ่งเป็นเขตอุตสาหกรรม
    เขตพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเขตพัฒนาเมือง

  • การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย
    ทางอากาศ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ทางเรือ ได้แก่ ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ
    ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุด ทางถนน ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
    กรุงเทพฯ-ชลบุรี พัทยา-มาบตาพุด และแหลมฉบัง-นครราชสีมา และทางราง ได้แก่ รถไฟทางคู่
    ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และช่วงกรุงเทพฯ-ระยอง

  • การดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน ประกอบด้วย
    การให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดิม การจัดตั้งกองทุนพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ
    การจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จการลงทุน (
    One Stop Service) การอำนวยความสะดวกในการอนุมัติเรื่องการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมและผังเมือง
    ความรวดเร็วในการออกใบอนุญาต การประกาศเป็นเขตปลอดภาษี การจัดหาที่ดินและระยะเวลาเช่าที่ดิน
    ระยะเวลาพำนักและทำงานของนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ
    สิทธิในการทำธุรกรรมทางการเงิน การใช้เงินตราต่างประเทศ
    การจัดตั้งศูนย์ธุรกรรมการเงิน และการจัดตั้งกองทุนในพื้นที่ร่วมกับชุมชนในท้องถิ่น

    ในส่วนของภาคการศึกษา”
    ได้มีการเตรียมการวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคนให้รองรับ
    EEC
    โดยเริ่มต้นที่ คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด
    (กศจ.) ระยอง ฉะเชิงเทรา และชลบุรี
    ได้จัดการประชุมการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาแบบบูรณาการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic
    Corridor : EEC) เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์,
    6 กุมภาพันธ์ และ 23 มกราคม 2560 ตามลำดับ

    จากนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดการประชุมสัมมนาทางวิชาการการจัดทำแผนจัดการศึกษาแบบบูรณาการเพื่อรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ระหว่างวันที่ 24-25 มีนาคม
    2560 ณ จังหวัดชลบุรี เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ วางแผนดำเนินงานร่วมกันในการจัดการศึกษาเพื่อรองรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกใน
    3 จังหวัดดังกล่าวและจังหวัดอื่นที่ติดต่อ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี
    สมคิด
    จาตุศรีพิทักษ์”
    เป็นประธานเปิด และ พล.อ.อ.ประจิน
    จั่นตอง”
    ร่วมรับฟังแผนการจัดการศึกษาในพิธีปิดการประชุมสัมมนา

    นอกจากนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของ
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
    ให้เสร็จสิ้นภายใน
    3 เดือน ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมเดิม (First
    S-Curve) และอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการต่อยอดมากขึ้น
    กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็นเจ้าภาพจัดประชุมในครั้งนี้
    ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอก

    จากการประชุมครั้งนี้
    กระทรวงศึกษาธิการได้รับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากหลากหลายหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุม
    จึงได้มอบให้ สอศ. รวบรวมข้อคิดเห็นทั้งหมดไปประกอบการพิจารณาจัดทำกรอบแนวทางการผลิตและพัฒนากำลังคน
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ข้อมูลเชิงความต้องการ (Demand-side)” ของภาคเอกชน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคนทั้งจำนวนและความต้องการสาขาต่าง
    ๆ ให้ตรงกับ
    10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่าข้อมูลในการวางแผนผลิตกำลังคนเป็นเรื่องยากมากที่จะได้ข้อมูลตรงกัน
    เพราะมีหลากหลายหน่วยงานต่างรับผิดชอบ แต่การประชุมครั้งนี้ได้มองเห็นความแม่นยำของข้อมูลการวางแผนผลิตกำลังคนใน

    3 จังหวัด EEC ที่หลายหน่วยงานนำเสนอ จึงขอให้
    สอศ. รวบรวมข้อมูลให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ เพื่อนำไปกำหนดเป็นร่างแผนงานต่าง ๆ
    และเชิญหน่วยงานทั้งหมดมาประชุมร่วมกันอีกครั้ง

    อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่เตรียมสิ่งต่าง
    ๆ เหล่านี้เพื่อให้กรอบการทำงานเป็นไปตามขั้นตอนที่รัฐบาลกำหนด ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาว่างานใดที่เตรียมการไว้แล้วซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที
    ก็ขอให้ดำเนินการได้เลย เพราะต้องเร่งขับเคลื่อนแผนจัดการศึกษาแบบบูรณาการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้คือช่วงเปิดภาคเรียน
    ปีการศึกษา
    2560

    นายสุเทพ ชิตยวงษ์
    เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
    กล่าวว่า จากการประชุมครั้งนี้ มีหน่วยงานต่าง ๆ
    ได้มารายงานให้ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก เช่น แนวทางการผลิตและพัฒนากำลังคน
      สถานการณ์แรงงาน
    การจัดเตรียมหลักสูตรร่วมกับสถานศึกษาอาชีวะภายในจังหวัด การผลิตให้ตรงตามมาตรฐาน

    Cluster ที่เป็นจุดเน้นใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ
    คือ
    1) การต่อยอด 5 อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ
    (
    First S-curve)
    ประกอบด้วยอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next
    – Generation Automotive) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart
    Electronics) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
    (
    Affluent, Medical and Wellness Tourism) การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ
    (
    Agriculture and Biotechnolgy) และอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร
    (
    Food for the Future) รวมทั้งการเติม 5 อุตสาหกรรมอนาคต (New S-curve) ประกอบด้วยอุตสาหกรรมหุ่นยนต์
    (
    Robotics) อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation
    and Logistics) อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels
    and Biochemicals) อุตสาหกรรมดิจิตอล (Digital) และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ซึ่งทั้ง
    10 อุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก
    อันจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของไทยในอนาคต

    ทั้งนี้ สอศ. ได้มอบให้
    นายประชาคม จันทรชิต รองเลขาธิการ กอศ. รวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่นำเสนอในการประชุมครั้งนี้
    คือ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน
    (กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน)
    สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
    สำนักงานสถิติแห่งชาติ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) กรมโรงงานอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
    และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จากนั้นจะเชิญหน่วยงานทั้งหมด
    รวมทั้งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
    เข้ามาประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันศุกร์ที่
    5 พฤษภาคมนี้ เวลา
    9.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดรายงานต่อคณะรัฐมนตรีรับทราบต่อไป


    บัลลังก์
    โรหิตเสถียร
    :
    สรุป/รายงาน
    อิทธิพล รุ่งก่อน: ถ่ายภาพ
    24/4/2560