พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่ – พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล
โอกาสนี้ ได้กล่าวถึงความเป็นมา การขับเคลื่อน ข้อเสนอแนะ และแนวทางการ
ความเป็นมาของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา เริ่มต้นจากการที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2561 กำหนดให้มี ‘เขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา‘ 3 จังหวัดนำร่อง คือ ระยอง (ภาคตะวันออก) สตูล (ภาคใต้) และศรีสะเกษ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ต่อมากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้กำหนดให้เรียกชื่อเป็น ‘พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา’ เพื่อไม่ให้สับสนการเขตพื้นที่การศึกษา จนกระทั่งวันที่ 10 กันยายน 2561 ได้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้มีการขยายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษานำร่อง ให้สอดคล้องกับการบริหารราชการภูมิภาคของประเทศที่กำหนดให้มี 6 ภาค ศธ.จึงได้กำหนดให้เพิ่มขึ้นอีก 3 ภาค ได้แก่ เชียงใหม่ (ภาคเหนือ) กาญจนบุรี (ภาคกลาง) และปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส (ภาคใต้ชายแดน) ทำให้ในปัจจุบันมีพื้นที่นวัตกรรมการศึกษานำร่อง ครบทั้ง 6 ภาค
วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา มี 4 ข้อ คือ 1) เพื่อเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพในการจัดการศึกษา 2) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา 3) เพื่อให้ภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ร่วมกันจัดการศึกษา 4) เพื่อคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษา พร้อมทั้งดำเนินการให้นำนวัตกรรมนั้นไปใช้ในสถานศึกษาอื่นในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยได้เริ่มต้นลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 28-29 ตุลาคม ที่ผ่านมา
การลงพื้นที่ติดตามการทำงานพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ นับตั้งแต่ที่ ศธ.ได้ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้เห็นถึงการทำงานที่เข้มแข็งเป็นอย่างมาก เป็นที่ประทับใจในการทำงานมาโดยตลอด โดยเฉพาะการกำหนดให้มี ‘หน่วยงานต้นทุน’ เพื่อให้เป็นกลไกการขับเคลื่อนการศึกษาของเชียงใหม่ ซึ่งประกอบด้วย ภาคีเชียงใหม่เพื่อการปฏิรูปการศึกษา เครือข่ายโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่ ชมรมนักจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่สูง และถิ่นทุรกันดาร เครือข่ายอุดมศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่ โรงเรียนส่งเสริมอาชีพ ชมรมโรงเรียนที่จัดการเรียนแบบทวิภาษา และกองทุนปฏิรูปการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ และคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัด ที่ได้ดำเนินการจัดทำแผนบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาคอีกด้วย
ความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาทั้ง 6 ภาค ขณะนี้รัฐบาลได้เสนอร่าง พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. …. ผ่านมติคณะรัฐมนตรี และการกลั่นกรองจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาออกเป็นกฎหมายในระยะเวลาอันใกล้นี้ แต่ในระหว่างการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวที่ยังไม่ได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ขอให้มีการวางแนวทางปฏิบัติคู่ขนานกันไป สิ่งใดที่เป็นเรื่องในบทบาทอำนาจหน้าที่ของ ศธ. ที่จำเป็นจะต้องแก้ไขระเบียบหรือประสานงานหรือปรับการใช้จ่ายงบประมาณกับสำนักงบประมาณ ขอให้ทุกพื้นที่นวัตกรรมการศึกษารวบรวมข้อมูลให้ ศธ.พิจารณาอย่างช้าภายใน 31 มกราคม 2562 แต่หากส่วนใดที่เกินบทบาทอำนาจหน้าที่กรอบงานของ ศธ. เช่น การประสานกับกระทรวงมหาดไทยหรือสถานศึกษาต่างสังกัด ก็ขอให้มีการประสานคู่ขนานกันไปด้วย
-
การแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ สำหรับกลุ่มโรงเรียนที่นักเรียนไม่ได้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาแม่ และ กลุ่มโรงเรียนที่นักเรียนไม่มีปัญหาการใช้ภาษาไทย ขอให้ศึกษาแนวทางการทำงานของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้เริ่มต้นจากการพิจารณาปัญหาในภาพรวมทั้งหมดก่อน เพื่อให้เห็นภาพรวมก่อนที่จะเริ่มต้นจัดการกับปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้น รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ หรืออ่านไม่คล่องเขียนไม่คล่อง จนสามารถส่งผลให้จำนวนเด็กที่มีปัญหาในเรื่องนี้ลดน้อยลง -
การพัฒนาโรงเรียนและผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศ โดยมีโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยเป็นแกนนำนั้น เห็นว่าจังหวัดเชียงใหม่ยังมีอีกหลายโรงเรียนที่มีศักยภาพสูงที่มีความพร้อมจะเป็นแกนนำในเรื่องนี้ ดังนั้นการกำหนดสถานศึกษานำร่องจึงต้องพิจารณาให้ครอบคลุมเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาของเชียงใหม่ทั้ง 6 เขต และเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 34 เพื่อร่วมขับเคลื่อนส่งเสริมการเรียนรู้แบบบูรณาการโดยใช้ STEM Education มาบูรณาการ -
การพัฒนาทักษะสัมมาชีพ เช่น โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงใหม่ได้จัดทำโครงการ สะเต็มศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพเชิงพาณิชย์ ก็อาจจะต้องไปบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทางการศึกษาอื่นที่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้ เช่น ศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา 6 ภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางรวบรวมตลาดงาน ความต้องการของ สาขาอาชีพต่าง ๆ รวมทั้งเป็นหน่วยงานจัดทำ Big Data ด้านการวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาที่จะสำเร็จเป็นรูปธรรมภายใน 1-2 เดือนนี้ รวมทั้ง การพัฒนาหลักสูตรให้เชื่อมโยงการศึกษาทุกระดับ -
นวัตกรรมการศึกษาเฉพาะทาง เช่น โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย อ.สันทราย ที่เป็นโรงเรียนต้นแบบเรียนรวม สำหรับการบริหารจัดการการศึกษาแบบเรียนรวม สำหรับนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษเรียนรวม หากมีความจำเป็นที่จะมีสถานศึกษานำร่องในเรื่องใดเพิ่มเติม ก็ขอให้พิจารณาให้ครอบคลุมและเป็นไปตามความสมัครใจของสถานศึกษาด้วย -
การกำหนดกรอบเวลา (Timeline) ในการทำงาน
จากการที่ให้ทุกพื้นที่นวัตกรรมการศึกษารวบรวมข้อมูลเสนอ ศธ. พิจารณาภายใน 31 มกราคม 2562 ขอให้แต่ละพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาทั้ง 6 จังหวัดประชุมหารือก่อน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อสรุปเบื้องต้น ก่อนนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาในวันดังกล่าว เพื่อให้เกิดผลในเชิงปฏิบัติที่ชัดเจนทั้งระบบคิดและระบบวางแผนภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จนกระทั่งมีความพร้อมสูงสุดสามารถเดินเครื่องเต็มระบบได้ในช่วงเปิดเทอมภายในเดือนพฤษภาคม 2562 -
การพิจารณาสถานศึกษาพื้นที่นำร่อง ตามร่าง พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาดังกล่าว ควรพิจารณาสถานศึกษานำร่องให้ครอบคลุมทั้งสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของ สพฐ.
สถานศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของเอกชน -
แนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาทั้ง 6 พื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานนั้น
ฝาก
– สร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น ว่าโครงการนี้ทำแล้วได้อะไร เกิดประโยชน์อะไร
– หากพบปัญหาอุปสรรคใด ๆ ขอให้ยึดหลักคิด ‘ไม่มีปัญหาใดที่แก้ไม่ได้‘ บางปัญหาที่แก้ไขยากอาจจะช้าบ้างก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ขอให้ดูชัด ๆ
– มอง ‘ประชาชนและผู้เรียน‘ เป็นศูนย์กลาง
– นำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มาเป็นกรอบวางแผนการทำงาน เพื่อร่วมพัฒนาประเทศไปสู่ Thailand 4.0 ที่เน้นการขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ในขณะเดียวกันก็ ‘ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง‘ จึงต้องพิจารณาขับเคลื่อนพัฒนาทั้งกลุ่ม 1.0 ‘เกษตร‘ 2.0 ‘อุตสาหกรรมรายย่อย‘ 3.0 ‘อุตสาหกรรมหนัก‘ ไปจนถึง 4.0 ‘เน้นการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม‘ -
ให้ศึกษาข้อกฎหมายตามร่าง พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. …. ซึ่งมีทั้งหมด 50 มาตรา ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อเป็นแนวทางการทำงานที่ชัดเจน เช่น วัตถุประสงค์ ตามมาตรา 5, การบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ตามหมวด 3, การกำหนดสถานศึกษานำร่อง ตามหมวด 4, การขยายพื้นที่ฯ เป็นต้น
-
ให้เน้นรณรงค์สร้างการรับรู้ความเข้าใจให้เกิดขึ้น เพราะเมื่อเกิดความเข้าใจแล้ว ก็จะส่งผลให้เกิดความร่วมมือ และผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน อันถือว่าเป็นหลักบูรณาการในการทำงาน ที่จะส่งผลให้เป็นแบบอย่างขยายไปสู่จังหวัดต่าง ๆ ต่อไป
ผลการประชุมและความคิดเห็น
เกี่ยวกับการขับเคลื่อน
พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่
ดร.อโณทัย ไทยวรรณศรี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สพฐ. “การประชุมขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 ธันวาคม 2561 มุ่งเน้นการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ภายใต้วิสัยทัศน์ของจังหวัดเชียงใหม่ “เชียงใหม่นครแห่งการเรียนรู้เพื่อคุณภาพชีวิต” โดยใช้การวิจัยเป็นฐาน ประกอบกับความร่วมมือและการประสานงานกับหน่วยงานทางการศึกษาและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน
นอกจากนี้ มีแนวทางที่จะเร่งแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ทั้งในกลุ่มโรงเรียนที่ไม่ได้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาแม่ และกลุ่มโรงเรียนที่ไม่มีปัญหาการใช้ภาษาไทย ตลอดจนเร่งสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อร่วมกันดำเนินการพื้นที่นวัตกรรมให้บรรลุเป้าหมาย”
ดร.รตนภูมิ โนสุ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 “จังหวัดเชียงใหม่มีต้นทุนเดิมด้านการศึกษาที่มีความเข้มแข็ง เนื่องจากทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในพื้นที่ภายใต้การดำเนินงานของภาคีเครือข่ายต่าง ๆ อาทิ เครือข่ายโรงเรียน เครือข่ายสถาบันอุดมศึกษา เครือข่ายผู้ปกครอง เป็นต้น จึงมีแนวทางในการนำความร่วมมือที่เป็นต้นทุนเดิมเหล่านี้ มาพัฒนาต่อยอดสู่การดำเนินงานพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการประกาศจัดตั้งให้เป็น 1 ใน 6 พื้นที่นวัตกรรมการศึกษานำร่อง เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 ขณะนี้ได้ดำเนินงานที่มีความก้าวหน้าในหลายส่วน ทั้งการรับฟังการชี้แจงนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) การประชุมภาคีเครือข่ายและคัดเลือกผู้แทนในคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา การประชุมคณะทำงานการขับเคลื่อนนโยบาย เป็นต้น โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้วยการหลอมรวมนวัตกรรมที่มีอยู่ในพื้นที่ เพื่อนำนวัตกรรมเหล่านั้นมาจัดกลุ่มนวัตกรรมการศึกษาของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือ การแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้กลุ่มโรงเรียนที่นักเรียนไม่ได้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาแม่, การแก้ปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้กลุ่มโรงเรียนที่นักเรียนไม่มีปัญหาการใช้ภาษาไทย, การพัฒนาโรงเรียนและผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศ, การพัฒนาทักษะสัมมาชีพ และนวัตกรรมการศึกษาเฉพาะทาง
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2562 จะเร่งสร้างการรับรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติ พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบรายละเอียด พร้อมทั้งประกาศรับสมัครโรงเรียนที่มีความสนใจเข้าร่วมโครงการพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จากนั้นคณะกรรมการจะคัดเลือกโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการตามกลุ่มนวัตกรรมการศึกษา เพื่อให้สามารถจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาตามวัตถุประสงค์ของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาได้ โดยจะมีการนิเทศและติดตามผลการดำเนินงานของโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการด้วย
ในส่วนของแผนการดำเนินงานพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาในปี 2563 คาดว่าจะนำนวัตกรรมการศึกษาที่เกิดขึ้นใหม่มาจัดกลุ่มนวัตกรรม พร้อมทั้งขยายผลโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการไปยังพื้นที่อื่นในจังหวัดเชียงใหม่อย่างทั่วถึง เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนในปี 2564 จะมีการประมวลผลในภาพรวมว่าจังหวัดเชียงใหม่มีนวัตกรรมการศึกษาด้านใดบ้าง มีสิ่งใดที่เพิ่มขึ้นและลดลง รวมทั้งมีทิศทางการดำเนินงานพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาในห้วงต่อไปอย่างไรบ้าง”
นายสินอาจ ลำพูนพงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคีเชียงใหม่เพื่อการปฏิรูปการศึกษา “จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ แบ่งการบริหารงานเป็น 25 อำเภอ มีสถานศึกษา 1,727 แห่ง ใน 18 สังกัด และมีประชากรวัยเรียน 460,000 คน ทำให้มีความหลากหลายทั้งในด้านพื้นที่และชาติพันธุ์ กล่าวคือ มีทั้งพื้นที่สูง พื้นที่ทุรกันดาร และพื้นที่เมือง อีกทั้งประชากรก็มีความหลากหลายทั้งชาติพันธุ์และพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
ในด้านคุณภาพการศึกษา แม้ว่าจังหวัดเชียงใหม่จะมีสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพในระดับสากลหลายแห่ง แต่ก็ยังมีสถานศึกษาอีกจำนวนมากที่ยังต้องได้รับการพัฒนา เพื่อให้พลเมืองของจังหวัดเชียงใหม่มีความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ มีสัมมาชีพ ได้รับการพัฒนาอย่างทั่วถึง รักษ์วัฒนธรรม ทันการเปลี่ยนแปลง แสวงสัมมาชีพ โดยการจัดกลุ่มพื้นที่นวัตกรรมทั้ง 5 กลุ่ม จะรวบรวมข้อมูลด้านต่าง ๆ เพื่อที่ทุกภาคส่วนจะได้พิจารณาร่วมกันและนำมาเติมเต็มในสิ่งที่สถานศึกษายังขาดแคลนหรือต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติมต่อไป”
นายกิตติ์ธเนศ พันธ์ภานุฉัตร ศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ “การขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ ใช้กลไกการวิจัยเป็นฐาน ประกอบกับความร่วมมือของหน่วยงานด้านการศึกษาในพื้นที่และภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะยุทธศาสตร์การศึกษาระดับอำเภอที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยให้แต่ละอำเภอเป็น Geobase Command Center เพื่อเข้าไปดูแลการศึกษาในพื้นที่อย่างแท้จริง โดยมีฐานข้อมูลที่ตอบโจทย์การพัฒนาการศึกษา เพื่อสร้างคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ สามารถค้นหาความถนัดของตนเองและนำมาพัฒนาได้อย่างตรงจุด จากนั้นนำศักยภาพไปพัฒนาคนรอบข้างและสังคม นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมการศึกษาโลก”
ด.ญ. พัณณิตา ธาราการะเกด นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านพุย อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ “ตั้งแต่ไปโรงเรียนวันแรกก็ไม่ชอบเรียนหนังสือเพราะกลัวครู แต่อยู่มาวันหนึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนก็พาไปเข้าห้องเรียนที่มีการเรียนการสอนแบบทวิภาษา ที่สอนทั้งภาษาถิ่นและภาษาไทย จึงทำให้ไม่กลัวครู วางใจในครู และรู้สึกอบอุ่น ทำให้ชอบและสนุกกับการเรียนมากขึ้น เพราะได้เรียนในภาษาของตนเอง ได้เจอเพื่อน ๆ ด้วย ดีใจที่ได้ไปโรงเรียน จึงอยากให้ทางผู้ใหญ่ใจดีสนับสนุนงบประมาณในการจ้างครูถิ่น เพื่อที่น้อง ๆ รุ่นหลังจะได้เรียนแบบทวิภาษา ผลการเรียนก็จะดียิ่งขึ้น”
นายณรงค์ ลุมมา ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย “โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย จัดการศึกษาแบบเรียนรวม ทั้งเด็กปกติและเด็กที่มีความต้องการพิเศษ โดยจัดการเรียนการสอนผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ให้เด็กมีความรู้สึกว่าอยู่โรงเรียนแล้วมีความสุข ทำโรงเรียนให้เป็นบ้าน ทำบ้านให้เป็นโรงเรียน พร้อมทั้งสร้างโอกาสการเรียนรู้ให้กับเด็กทุกคน ตลอดจนจัดการเรียนการสอนร่วมกับชุมชนและหน่วยงานในพื้นที่”
อนึ่ง ในการประชุมครั้งนี้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการความก้าวหน้าการจัดการศึกษาพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ เช่น
-
แนวทางการสอนภาษาไทยโดยใช้ภาษาแม่เป็นฐานสำหรับเด็กกลุ่มชาติพันธุ์ (ทวิ/พหุภาษา)
-
นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนแบบ Montessori โรงเรียนทรายทองราษฎร์อุทิศ
-
โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนพื้นที่อำเภออมก๋อยและแม่แจ่ม ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-
การจัดการศึกษากลุ่มโรงเรียนบนพื้นที่สูงและถิ่นทุรกันดาร อ่างขางโมเดล (Angkhang Model)
-
สะเต็มศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพเชิงพาณิชย์ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงใหม่
-
การบริหารจัดการการจัดการศึกษาแบบเรียนรวม (Narong Model : Nurse Adjustment Relax Organization Normal และ Goal) สำหรับนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษเรียนรวม โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย
-
การเรียนรู้แบบบูรณาการตามแนวทางสะเต็มศึกษาหน่วยการเรียนรู้ Active Learningบ้านอุ๊ยขาดน้ำ (ความดันและหลักแบร์นูลี) เป็นต้น