ภารกิจที่ยะลา

ภารกิจรัฐมนตรีที่ จ.ยะลา


จังหวัดยะลา – พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ณ จังหวัดยะลา  เมื่อวันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2559 โดยให้นโยบายในการประชุมผู้บริหารหน่วยงานการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนร่วมพิธีปิดการจัดมหกรรมกีฬานักเรียนนักศึกษาภาคฤดูร้อนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2559 โดยมีคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารหน่วยงานทางการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษารัฐและเอกชน ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมภารกิจในครั้งนี้

ให้นโยบายในการประชุมผู้บริหารหน่วยงานการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อเวลา 9.15 น. รมว.ศึกษาธิการ และคณะ เดินทางถึงสำนักงานศึกษาธิการภาค 8 โดยได้พบปะข้าราชการ ครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนนักศึกษา พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการความก้าวหน้าของโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนมอบวุฒิบัตรให้แก่นักเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวน 33 คน ที่ได้คะแนนผลสอบ O-NET วิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษเต็ม 100%

จากนั้นได้เข้าร่วมประชุมผู้บริหารหน่วยงานการศึกษาในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ห้องประชุมขุนศิลป์ สำนักงานศึกษาธิการภาค 8 โดยได้รับฟังสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปบ.จชต.) หรือกระทรวงศึกษาธิการส่วนหน้า ซึ่งมีการบูรณาการศึกษาควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เพื่อให้การศึกษาเป็นแรงขับเคลื่อนให้สังคม และการสร้างความสันติสุขอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ได้รับฟังข้อคิดเห็นและสรุปผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ดังนี้

  • การศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่าผลสอบ O-NET ในปีการศึกษา 2558 เพิ่มขึ้นทั้ง 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ นอกจากนี้หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ร่วมดำเนินการโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้ดำเนินงานเป็น 3 ระยะ กล่าวคือ ระยะแรก : จุดประกายความฝัน, ระยะที่ 2 : มุ่งมั่นสู่อนาคต, ระยะที่ 3 : ปรากฏผลสู่ความสำเร็จ ซึ่งระยะที่ 3 ได้มีความก้าวหน้าในการลงนามความร่วมมือ (MoU) ในครั้งนี้ ทั้งยังมีการจัดสรรที่เรียนและการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนจนจบปริญญาตรี เพื่อสร้างสรรค์เยาวชนต้นแบบปีละ 400 คน ส่วนโครงการที่สำคัญอื่นๆ ที่มีผลต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาทิ การแก้ปัญหาการอ่านออกเขียนได้, โครงการประชารัฐ, การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย, TEPE Online รวมถึงการสร้างขวัญกำลังใจแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา อาทิ โครงการก่อสร้างศูนย์คุรุมิตร เพื่อความปลอดภัยของครู

  • ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)  โดยนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. ให้ความเห็นว่า การทำงานของกระทรวงศึกษาธิการถือว่ามีเอกภาพและประสิทธิภาพดีที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะพบว่ามีการแก้ปัญหาได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะปมปัญหาซึ่งอยู่ที่การบิดเบือนศาสนา และ “อะไรที่ทำไม่ได้ในอดีต วันนี้ทำได้” เช่น มีการจัดทำระบบทะเบียน, ความก้าวหน้าการปรับปรุงหลักสูตรให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่, การสนับสนุนอาหารเช้าและกลางวันให้กับนักเรียนตาดีกาโดยใช้ระบบของชุมชนมาบริหารจัดการ และการส่งเสริมด้านบัณฑิตศึกษาให้เป็นครูหมู่บ้านเพื่อสอนภาษาไทยให้เด็กในพื้นที่ช่วงปิดเทอม โดย ศอ.บต.สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้คนละ 1,000 บาท เป็นต้น

  • การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย  มีการดำเนินการอย่างเข้มข้น มีความร่วมมือกับสถาบันศึกษาปอเนาะเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษานอกระบบให้สูงขึ้น, มีการจัดตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชน, ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง, ศูนย์การศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นต้น

  • การศึกษาเอกชน  มีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้นทั้งผลสอบ O-NET และ I-NET และการที่ได้จัดการศึกษาที่มีคุณภาพมากขึ้นก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตามมาคือความสุขของผู้ปกครองและประชาชน นอกจากนี้มีการปรับปรุงพัฒนา การเรียนการสอนภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษให้เป็นมาตรฐาน เช่น อังกฤษใช้เกณฑ์ CEFR ในการประเมิน โดยการสอนภาษาจะเน้นไปที่การสื่อสาร ในส่วนของหลักสูตรมีการปรับปรุงหลักสูตรใหม่ของตาดีกา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนพิจารณาที่จะเตรียมประกาศใช้ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป รวมทั้งการพัฒนาหลักสูตรบูรณาการวิทยาศาสตร์ให้มีสัดส่วนวิทยาศาสตร์ 70% อิสลามศึกษา 30% โดยมีการทดลองในโรงเรียน 23 โรงเพื่อมุ่งไปสู่สะเต็มศึกษาต่อไป สำหรับกิจกรรมลูกเสือเนตรนารีได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และจะเพิ่มกิจกรรมยุวกาชาดอีกด้วย พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมศิลปะ นันทนาการอย่างหลากหลาย โดยคำนึงถึงพหุวัฒนธรรม การเรียนรู้อัตลักษณ์ของพื้นที่ สิทธิหน้าที่พลเมือง การขยายหลักสูตรสันติศึกษาให้มากขึ้น ที่สำคัญจะเน้นปลูกฝังให้เด็กๆ รักประเทศไทย-รักในหลวง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสั่งการ ตลอดจนความร่วมมือจัดการศึกษาเพื่อสร้างความมั่นคง มีการติวให้เด็กเรียนมีโอกาสเรียนต่อทุกระดับ เน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน การเปิดโลกทัศน์ให้เด็กๆ รวมไปถึงการพัฒนาผู้บริหารให้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) พร้อมทั้งการให้ทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนที่ได้มีการประสานกับ ศอ.บต. และหน่วยงานภายในและต่างประเทศเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

  • การอุดมศึกษา  ให้ความสำคัญเรื่องกิจกรรมกีฬา ซึ่งมีสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการกีฬา เช่น ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอก, มีการส่งเสริมกิจกรรมกีฬาเพื่อสุขภาพในสถานศึกษาผ่านเครือข่ายมหาวิทยาลัย โดยมีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นศูนย์กลาง เพื่อให้นักศึกษาตื่นตัวในการเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพ, มีศูนย์ปันจักสีลัตโดยมหาวิทยาทักษิณเป็นศูนย์กลาง, โครงการทุนการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือทุนอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 40,000 บาทต่อคนต่อปี เพื่อให้เด็กๆ ในพื้นที่สามารถเลือกเรียนต่อได้ทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ, การสนับสนุนทุนการศึกษาตามโครงการสานฝันฯ เพื่อให้เด็กในโครงการได้เรียนจนจบปริญญาตรี นอกจากนี้จะเน้นให้มหาวิทยาลัยในพื้นที่เป็นพี่เลี้ยงจับคู่กับโรงเรียนต่างๆ ตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ขอให้ติดตามดูแลนักเรียนไทยที่ไปศึกษาต่อในอินโดนีเซียกว่า 2,000 คน โดยกำชับให้เลือกเรียนในคณะ สาขาวิชา และมหาวิทยาลัยที่ได้รับการรับรองจาก ก.พ.

  • การอาชีวศึกษา ได้มีการจัดตั้งศูนย์อาชีวะ ศูนย์จัดการศึกษาเพื่ออาชีพ มีการส่งเสริมเชิญชวนให้เด็กและเยาวชนเข้ามาเรียนสายอาชีวะให้มากขึ้น พร้อมทั้งจัดที่พักให้อยู่ฟรีในระหว่างเรียน โดยส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งด้านศาสนาและวิชาชีพ ที่สำคัญคือพยายามเน้นให้คนในพื้นที่ได้บรรจุเป็นพนักงานราชการ รวมทั้งส่งเสริมให้คนในพื้นที่ได้กลับเข้าไปพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนของตนเองโดยใช้วิชาชีพที่ตนเองเรียนมา

  • เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา  เน้นการอ่านออกเขียนได้ ด้วยวิธีสอนแบบแจกลูกสะกดคำ, มีการบูรณาการจัดการศึกษาอย่างเป็นเอกภาพมากขึ้น, จัดงบประมาณให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวน 15 ล้านบาท เช่น โครงการสอนติวด้วยการให้ไปเข้ารับการอบรมเป็นครูแม่ไก่จากติวเตอร์ชื่อดังทั้ง 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้, ส่วนการจัดการแข่งขันกีฬาของบุคลากรในสังกัด ต้องการให้มีนโยบายที่จะจัดการแข่งขันทุกปี

  • ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  กล่าวถึงการลงพื้นที่ของ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ในช่วงปีที่ผ่านมาหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง มีผลถึงการช่วยเหลือ การแก้ปัญหา ขวัญกำลังใจ และส่งผลถึงการทำงานเชิงบูรณาการมากขึ้น ทั้งยังเกิดความเข้าใจในการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่สำคัญชุมชนเริ่มมีความรู้สึกว่าการทำให้ครูบาดเจ็บหรือเสียชีวิตส่งผลกระทบต่อเด็ก จึงทำให้ครูมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยในปี 2559 ยังไม่มีครูที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ในด้านการเยียวยาครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการดูแลจากกระทรวงศึกษาธิการในการบรรจุแต่งตั้งทายาทครูผู้เสียชีวิตเข้าไปทำงานแล้วกว่า 50 คน ส่วนข้อเสนอแนะ ต้องการให้มีการปรับปรุงการข่าวที่มีประสิทธิภาพ และให้คณะกรรมการสถานศึกษามีบทบาทดูแลครูให้มากขึ้น

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ความก้าวหน้าการทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล เกิดจากความร่วมมือและการให้ข้อมูลต่างๆ ร่วมกันอย่างชัดเจน ทุกโครงการได้ดำเนินการร่วมกันจนเกิดเป็นภาพรวมของกระทรวงศึกษาธิการ

โดยเฉพาะการที่กระทรวงศึกษาธิการได้เป็นเจ้าภาพในการขับเคลื่อนนโยบายของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ในกลุ่มภารกิจงานที่ 4 การศึกษา ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม จากทั้งหมด 7 กลุ่มภารกิจงาน ซึ่งได้มีการรายงานความก้าวหน้าให้ รมว.มหาดไทยรับทราบแล้วเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2559 โดยกระทรวงศึกษาธิการให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 20 หน่วยงาน ได้ทำงานเชิงบูรณาการตามแผนงานและโครงการร่วมกัน พร้อมทั้งจัดระบบรายงาน ติดตาม ประเมินผล และกำหนดตัวชี้วัดผลดำเนินงานตามเป้าหมายที่ชัดเจน รวมทั้งงานที่จะทำต่อไป 4 เรื่อง คือ 1) การจัดตั้งศูนย์ครูใต้ 2) การจัดตั้งศูนย์การศึกษาพิเศษที่จังหวัดยะลา เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้กับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน-การมองเห็น-ทางสติปัญญา-ทางร่างกาย-ออทิสติก ซึ่งขณะนี้พบว่ามีเด็กนักเรียนชั้น ป.1-ม.6 ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ จำนวน 1,036 คน โดยคาดว่าจะเปิดทำการเรียนการสอนได้ในปีการศึกษา 2560 3) การขยายโอกาสทางการศึกษา 4) โครงการสานฝันฯ ซึ่งเข้าสู่ระยะที่ 3 “ปรากฏผลสู่ความสำเร็จ” แล้ว

เรื่องต่างๆ ทั้ง 4 เรื่อง ผ่านการเห็นชอบในระดับพื้นที่แล้ว จากนี้จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบต่อไป  ส่วนกรณีการจัดงานชุมนุมลูกเสือเนตรนารีในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้น ได้จัดทำแผนและงบประมาณบูรณาการรองรับไว้แล้ว คาดว่าจะมีการจัดค่ายชุมนุมได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การศึกษาถือเป็นหัวใจและรากเหง้าของการแก้ปัญหาด้านต่างๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งช่วงที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการได้มอบ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ เป็นแม่ทัพใหญ่ในการแก้ปัญหา โดยได้มีการพูดคุยกันมาโดยตลอด มีการติดตามงานร่วมกันเป็นระยะๆ อย่างใกล้ชิด จึงขอชื่นชมการทำงานช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งมีผลทำให้คุณภาพการศึกษาในพื้นที่สูงขึ้น โดยเฉพาะผลสอบ O-NET

หลังจากนี้ จะมีการลงพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อพบปะและรับฟังความคิดเห็น ปัญหา และข้อเสนอแนะร่วมกับนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นการเฉพาะกลุ่ม ทั้งยังฝากให้ผู้บริหารติดตามข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชน และเว็บไซต์กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเผยแพร่นโยบายต่างๆ ไว้แล้วทุกเรื่อง

โอกาสนี้ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวชื่นชมกับนโยบายกีฬาภาคฤดูร้อนที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้เด็กๆ มีความสุข ห่างไกลยาเสพติด ด้วยเหตุที่เราประสบความสำเร็จในการดำเนินงานเรื่องต่างๆ เพราะทุกคนล้วนเป็นหัวใจเดียวกัน ลดการคิดถึงตัวเองลงโดยเอาส่วนรวมการศึกษาเป็นตัวตั้ง แม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราจะสูญเสียมาด้วยกัน แต่ก็ทำให้เราได้ผนึกกำลังด้วยกันอย่างเข้มแข็ง สิ่งต่างๆ ที่เราให้ความรู้และทำเรื่องที่ดีต่อเด็กๆ จะช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองเข้าใจเรามากขึ้น และจะส่งผลทำให้ไม่มีใครอยากมาทำร้ายครู เพราะเขาจะเสียมวลชนไปด้วย ทั้งหมดที่เราดำเนินการ ล้วนนำมาซึ่งความปลอดภัยสำหรับครูทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามไม่ควรประมาท โดยขอให้มีการซักซ้อมแผนการรักษาความปลอดภัย มีการประเมินแผนอย่างต่อเนื่อง ยิ่งถี่เท่าไรยิ่งดีเท่านั้น ที่สำคัญต้องสื่อสารข้อมูลข่าวสารให้ครูทุกคนในพื้นที่กว่า 8 หมื่นคนรับทราบด้วย

อีกเรื่องที่ขอฝากให้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ พิจารณาคือ จำนวนเด็กที่ออกนอกระบบการศึกษา  โดยขอให้วางแผนว่าควรมอบหน่วยงานใดรวบรวมข้อมูลดำเนินการในเรื่องนี้ ให้ได้ข้อมูล จำนวน ระดับชั้น อายุ สาเหตุที่คนเหล่านี้ออกนอกระบบ เพื่อวางแผนให้เด็กเหล่านี้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาให้มากขึ้น

ส่วนแผนพัฒนาการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีงบประมาณ 2559 ซึ่งมีจุดเน้นที่สำคัญ 6 ประการ คือ 1) การพัฒนาคุณภาพการศึกษา 2) การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนากีฬาเข้าสู่ระบบการศึกษา 3) การส่งเสริมความปลอดภัย สวัสดิการครูและบุคลากรทางการศึกษา 4) การเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษา 5) การจัดการศึกษาเพื่อการมีอาชีพ 6) การเสริมสร้างการศึกษาเพื่อความมั่นคง นั้น รมว.ศึกษาธิการเห็นว่ามีความครอบคลุมในการแก้ไขปัญหาต่างๆ แล้ว และขอให้นำหลักอริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มาเป็นแนวทางแก้ไขปัญหา เพราะบางปัญหาอาจเกิดจาก 1 สาเหตุ, บางปัญหาอาจเกิดจาก 3 สาเหตุ, บางปัญหาอาจต้องใช้หลายด้านมาแก้ไขปัญหา ซึ่งการใช้หลักอริยสัจ 4 แก้ปัญหา จะทำให้มองเห็นภาพนโยบายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ย้ำด้วยว่า การจัดการศึกษาควรเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวทั้ง 6 ด้าน แต่หากกระทรวงศึกษาธิการมีการขยับนโยบายในภาพใหญ่ แล้วทำให้แผนดังกล่าวชะลอลง ขอให้รีบแจ้ง และขอให้เดินตามแผนยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้านให้แน่น เพราะเป็นพื้นที่พิเศษ แต่หากแผนด้านใดที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์อยู่แล้ว เช่น สะเต็มศึกษา ประชารัฐ ก็ไม่มีปัญหา เพราะเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว

ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญกับเรื่องสวัสดิการและสวัสดิภาพข้าราชการ ครู และบุคลากรทางการศึกษา โดยยินดีรับฟังข้อเสนอในการแก้ปัญหา แต่การแก้ไขปัญหาทุกเรื่องจะต้องอยู่บนพื้นฐานที่สามารถทำได้จริง


พิธีลงนามความร่วมมือโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้

ต่อมาเวลา 11.30 น. รมว.ศึกษาธิการ และ รมช.ศึกษาธิการ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานศึกษาธิการภาค 8

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การลงความร่วมมือดังกล่าว เป็นความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ดังนี้

1) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะให้ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่นโยบาย แนวทางปฏิบัติโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ ให้เข้าถึงเยาวชน ผู้ปกครอง คณาจารย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างทั่วถึง รวมทั้งส่งเสริมการจัดหลักสูตรบูรณาการวิชาการและการกีฬาสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความสามารถด้านกีฬาควบคู่กับด้านวิชาการ และสนับสนุนทุนการศึกษาให้นักเรียนกลุ่มเป้าหมายได้รับการส่งเสริมและพัฒนาตนเองตามศักยภาพจนจบในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-กีฬา และแผนการเรียนศิลป์ภาษา-กีฬา

2) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนในการเตรียมความพร้อมและการจัดหาสถาบันอุดมศึกษาให้แก่เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีความสามารถด้านกีฬาให้สามารถเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาตามศักยภาพและความสามารถ โดยจะสนับสนุนทุนการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาจนสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรในระดับปริญญาตรี

3) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนในการจัดหาสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้แก่เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความสามารถด้านกีฬาให้สามารถเข้าศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และระดับปริญญาตรี ตามศักยภาพและความสามารถ โดยจะสนับสนุนทุนการศึกษาจนสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร


พิธีปิดมหกรรมกีฬานักเรียนนักศึกษาภาคฤดูร้อนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีงบประมาณ 2559

เวลา 13.00 น. รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีปิดมหกรรมกีฬานักเรียนนักศึกษาภาคฤดูร้อนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีงบประมาณ 2559 ที่สนามกีฬาสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตยะลา

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการจัดมหกรรมกีฬาในครั้งนี้ว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายสนับสนุนให้มีการส่งเสริมการกีฬาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกระทรวงศึกษาธิการมอบหมายให้ศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปบ.จชต.) หรือกระทรวงศึกษาธิการส่วนหน้า จัดทำโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกำหนดให้มีการจัดมหกรรมแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน เป็นกิจกรรมหนึ่งในโครงการ โดยปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 2 มีวัตถุประสงค์ดังนี้

1) เพื่อเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้เวลาในช่วงปิดภาคเรียนได้ออกกำลังกาย โดยการเรียนรู้ทักษะกีฬาพื้นฐาน

2) เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยการใช้กิจกรรมกีฬาในช่วงปิดภาคเรียน ได้มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนโรงเรียนของรัฐและเอกชน และมีการส่งเสริมกิจกรรมกีฬาทั่วทั้งพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

3) เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โดยใช้กิจกรรมการแข่งขันกีฬาให้กับนักเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รู้จักความสามัคคี การรู้แพ้รู้ชนะ การมีน้ำใจนักกีฬา เพื่อนำมาสู่การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม

โดยกำหนดให้มีการจัดการแข่งขันจำนวน 4 ประเภทกีฬา ได้แก่ กีฬาฟุตบอล, ฟุตซอล, วอลเล่ย์บอล (ชาย หญิง), เซปัคตะกร้อ (ชาย หญิง) และกรีฑา โดยแบ่งช่วงอายุการจัดการแข่งขันให้นักเรียนทุกระดับได้เข้าร่วมการแข่งขัน ประกอบด้วยนักเรียนระดับประถมศึกษาอายุ 12 ปี นักเรียนระดับมัธยมศึกษาอายุ 15 ปี นักเรียนระดับอาชีวศึกษา นักเรียนการศึกษานอกระบบ และนักศึกษาระดับอุดมศึกษา อายุ 18 ปี และอายุ 20 ปี ได้เข้าร่วมการแข่งขัน กำหนดจัดการแข่งขันเป็น 3 ระดับ คือ ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้

ช่วงที่ 1 การจัดการแข่งขันระดับอำเภอ จำนวน 45 อำเภอ ระหว่างวันที่ 25 – 30 มีนาคม 2559

ช่วงที่ 2 การจัดการแข่งขันระดับจังหวัด ระหว่างวันที่ 1 – 8 เมษายน 2559

ช่วงที่ 3 การจัดการแข่งขันระดับพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2559

โดยมีนักกีฬาจากทุกสังกัด ประกอบด้วยนักกีฬาจากสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 1,925 คน ผู้ควบคุมทีมจำนวน 750 คน


บัลลังก์ โรหิตเสถียร : สรุป/รายงาน/ถ่ายภาพ
ขอบคุณ : ภาพถ่ายจากคณะทำงาน รมช.ศธ.
26/4/2559