มติ ครม.7 พ.ค.62

มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ 4 เรื่อง คือ เห็นชอบ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา, เห็นชอบโครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital) รองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย, อนุมัติสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้บริหารระดับสูง ศธ. 2 ราย และเห็นชอบการตอบรับเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมทบในสภาบริหาร PISA

เห็นชอบ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา

คณะรัฐมนตรีมีมติ

1. เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาตามที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) เสนอ โดยในส่วนของการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ตามแผนดังกล่าวให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562 เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การทบทวนข้อเสนอให้จัดตั้งหน่วยงานของรัฐตามแผนการปฏิรูปประเทศอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้มีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแผนดังกล่าวในช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องที่จะต้องนำแผนไปปฏิบัติ เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันและสามารถขับเคลื่อนการดำเนินการอย่างสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป

2. ในการดำเนินการตามแผนดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม  สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย  ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง

     ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  มาตรา 258 จ. บัญญัติให้มีการดำเนินการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา และมาตรา 261 บัญญัติให้การปฏิรูปดังกล่าวมีคณะกรรมการที่มีความเป็นอิสระคณะหนึ่งที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งดำเนินการศึกษาและจัดทำข้อเสนอแนะและร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป (ให้คณะกรรมการฯ เสนอคณะรัฐมนตรีภายใน 2 ปี  นับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง)

     ดังนั้น  คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาได้จัดทำ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพของการจัดการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา มุ่งความเป็นเลิศและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ  และปรับปรุงระบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร เพิ่มความคล่องตัวในการรองรับความหลากหลายของการจัดการศึกษาและสร้างเสริมธรรมาภิบาล ซึ่ง (ร่าง) แผนดังกล่าวประกอบด้วยแผนงานเพื่อการปฏิรูปการศึกษา 7 เรื่อง จำแนกเป็นประเด็นปฏิรูป รวม 29 ประเด็น

     ซึ่งประเด็นปฏิรูปที่มีลำดับสำคัญสูงสุดและต้องดำเนินการให้บรรลุผลให้ได้ในระยะเร่งด่วนมี 6 ประเด็นคือ

    (1) ยกเครื่องระบบการศึกษา โดยการบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่รวมถึงกฎหมายสำคัญอื่น ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. …. ร่างพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. …. ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. …. และการจัดตั้งสถาบันหลักสูตรและการเรียนรู้แห่งชาติ

    (2) บุกเบิกนวัตกรรมของการจัดการศึกษาระดับโรงเรียน กลุ่มโรงเรียน หรือการจัดการระดับพื้นที่ โดยให้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางของการยกระดับคุณภาพของการศึกษา  ผ่านการขับเคลื่อนเรื่องสถานศึกษาที่มีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการและระบบนิเวศที่สนับสนุนการดำเนินการของการศึกษา

   (3) นำเสนอแนวทางการปรับหลักสูตรการจัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานไปสู่หลักสูตรฐานสมรรถนะ  และรูปแบบการปรับหลักสูตรในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 จัดตั้งสถาบันหลักสูตรและการเรียนรู้แห่งชาติเพื่อเป็นเสมือนศูนย์ความเป็นเลิศในการวิจัยพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรและการเรียนรู้แห่งชาติเพื่อเป็นเสมือนศูนย์ความเป็นเลิศในการวิจัย  พัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร การจัดการเรียนการสอนและการประเมินผลการเรียนรู้  สำหรับการจัดการศึกษาในระดับต่าง ๆ

   (4) สร้าง “ดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้แห่งชาติ” ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล นำความรู้และวิธีการเรียนรู้ไปสู่โรงเรียน  นักเรียน และครูทั่วประเทศ  โดยเฉพาะในท้องถิ่นห่างไกล

   (5) จัดระบบการผลิตครูให้มีคุณภาพและสมรรถนะความเป็นครู ผ่านการจัดตั้งกองทุนหรือแผนงานเพื่อการผลิตและพัฒนาครูสำหรับครูรุ่นใหม่  และพัฒนาบัณฑิตครูที่มีอยู่ให้ตรงตามความจำเป็นของประเทศ  ในระยะแรกเน้นครูปฐมวัย  และครูประถมศึกษาสำหรับท้องถิ่นขาดแคลน

   (6) ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ตามที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่เพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติและการปฏิรูปการศึกษาให้เริ่มดำเนินการได้และมีความต่อเนื่องในระยะยาว


เห็นชอบโครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ดำเนินโครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ในระดับปริญญาตรี และโครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ในระดับอาชีวศึกษา ซึ่งเป็นโครงการที่มีเงื่อนไขพิเศษผ่อนปรนกว่าการดำเนินการให้กู้ยืมตามเงื่อนไขปกติของกยศ. เพื่อสนับสนุนให้มีนักเรียน นักศึกษา เข้าเรียนในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการในอุตสาหกรรมเป้าหมายมากขึ้น และหากในอนาคต กยศ. มีความจำเป็นต้องขอรับงบประมาณให้ กยศ. ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

สาระสำคัญ โครงการฯ ประกอบด้วย 2 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ในระดับปริญญาตรี และ 2) โครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ในระดับอาชีวศึกษา ซึ่งคณะกรรมการ กยศ. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการของโครงการฯ แล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. โครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ในระดับปริญญาตรี
     1.1
 กลุ่มเป้าหมาย : นิสิตและนักศึกษาในระดับปริญญาตรีที่กำลังศึกษาหรือกำลังจะเข้าศึกษาในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการของ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และ 3 โครงสร้างพื้นฐาน
     1.2 วิธีดำเนินการ : ผู้กู้ยืมเงินที่เข้าร่วมโครงการ เมื่อสำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาที่กำหนดจะคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 0.5 และได้ส่วนลดเงินต้นร้อยละ 30 อย่างไรก็ดี กรณีที่ผู้กู้ยืมเงินไม่สามารถสำเร็จการศึกษาหรือไม่ได้สำเร็จการศึกษาตามสาขาที่กำหนดไว้หรือผิดนัดชำระหนี้ จะไม่ได้รับส่วนลดเงินต้น โดยจะต้องชำระหนี้ตามเงื่อนไขที่ กยศ. กำหนด
     ทั้งนี้ กยศ. จะพิจารณากำหนดสถานศึกษาและสาขาวิชาที่เป็นความต้องการของ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และ 3 โครงสร้างพื้นฐาน โดยสามารถกำหนดหรือปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม

2. โครงการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ในระดับอาชีวศึกษา
     2.1 กลุ่มเป้าหมาย : นักเรียนอาชีวศึกษาที่กำลังศึกษาหรือกำลังจะเข้าศึกษาในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการของ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และ 3 โครงสร้างพื้นฐาน
     2.2 วิธีการดำเนินการ : ผู้กู้ยืมเงินที่เข้าร่วมโครงการ เมื่อสำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาที่กำหนดจะคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 0.5 และได้ส่วนลดเงินต้นร้อยละ 50 กรณีที่ผู้กู้ยืมเงินไม่สามารถสำเร็จการศึกษาหรือไม่ได้สำเร็จการศึกษาตามสาขาที่กำหนดไว้หรือผิดนัดชำระหนี้ จะไม่ได้รับส่วนลดเงินต้น โดยจะต้องชำระหนี้ตามเงื่อนไขที่ กยศ. กำหนด
     ทั้งนี้ กยศ. จะพิจารณากำหนดสถานศึกษาและสาขาวิชาที่เป็นความต้องการของ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และ 3 โครงสร้างพื้นฐาน โดยสามารถกำหนดหรือปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม

3. ระยะเวลาดำเนินการ : ปีการศึกษา 2562 – 2566 (5 ปีการศึกษา)

4. งบประมาณ เนื่องจากในขณะนี้การดำเนินโครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ในระดับปริญญาตรี และโครงการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ในระดับอาชีวศึกษา จะยังไม่เกิดภาระต่องบประมาณ อย่างไรก็ดี หากในอนาคต กยศ. มีความจำเป็นต้องขอรับงบประมาณ ขอให้ กยศ. ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป


อนุมัติสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้บริหารระดับสูง 2 ราย

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง จำนวน 2 ราย ดังนี้

1. นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2. นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน


เห็นชอบการตอบรับเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมทบในสภาบริหาร PISA

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการตอบรับเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมทบในสภาบริหารของโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment : PISA) โดยประเทศไทยได้รับหนังสือเชิญจาก Mr.Angel Gurria เลขาธิการ Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) เพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมทบ (Associate Member) ในสภาบริหาร (Governing Board) ของโปรแกรม PISA ซึ่งเป็นการเข้าร่วมคณะทำงานของ OECD ในระดับสูงที่สุดสำหรับประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกของ OECD กล่าวคือ ประเทศไทยจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมในทุกการประชุมของสภาบริหาร รวมทั้งมีส่วนร่วมและมีพันธกรณีต่อกระบวนการตัดสินใจของสภาบริหารเช่นเดียวกับประเทศสมาชิก OECD

นอกจากนี้ ประเทศไทยจะมีพันธะกรณีที่จะต้องเข้าร่วมการประชุมของโปรแกรม PISA อย่างสม่ำเสมอ ชำระค่าสมาชิกตามที่กำหนด ตลอดจนให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโปรแกรม PISA ตามที่ได้รับการร้องขอ โดยเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นไปตามข้อกำหนดและแนวปฏิบัติของ OECD

Written by ปารัชญ์ ไชยเวช, บัลลังก์ โรหิตเสถียร
Photo
Rewriter/Editor บัลลังก์ โรหิตเสถียร