ลงพื้นที่ ครม.สัญจร

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานตามโครงการ/นโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ด้านการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาและการจัดการเรียนการสอนตามโครงการอาชีวศึกษาเพื่อการพัฒนาชนบท (อศ.กช.) ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบูรณ์ ติดตามผลการดำเนินงานของสำนักงาน กศน.ตำบลบุ่งน้ำเต้า และติดตามผลโครงการห้องเรียนกีฬา รวมทั้งรับฟังปัญหาความต้องการของผู้บริหารโรงเรียน ที่โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันจันทร์ที่ 17 กันยายน​ 2561 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 7/2561 ณ จังหวัดเพชรบูรณ์

  • ติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา และโครงการอาชีวศึกษาเพื่อพัฒนาชนบท ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบูรณ์ อำเภอ​หล่มสัก

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุมรับฟังผลการดำเนินงานขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ของศูนย์ย่อย 2 ศูนย์ คือ ภาคเหนือตอนล่าง 1 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง 1 รวมทั้งติดตามผลการดำเนินงานโครงการอาชีวศึกษาเพื่อพัฒนาชนบท ในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี และวิทยาลัยประมง รวม 48 แห่งทั่วประเทศ

ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา กล่าวรายงานผลการดำเนินงานขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ของศูนย์ย่อย 2 ศูนย์ คือ

1) ศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ภาคเหนือตอนล่าง 1 (NEC TVET Career Center) ประกอบด้วยจังหวัดตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ มีสถานศึกษาภาครัฐ 26 แห่ง และสถานศึกษาเอกชน 12 แห่ง โดยมีความก้าวหน้างานทั้ง 5 ภารกิจในหลายส่วน อาทิ มีการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวางแผนการผลิตกำลังคน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2561-2563 ประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการกว่า 320 แห่ง นำเข้าข้อมูลความต้องการในระบบ Big Data System พร้อมเชิญชวนสถานประกอบการมาร่วมมืออย่างต่อเนื่อง และนำเข้าที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด

นอกจากนี้ ได้จัดส่งเสริมสมรรถนะผู้เรียนอย่างหลากหลาย ทั้งทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน 1,610 คน, เข้าร่วมโครงการ E to E 1,830 คน ใน 122 วิชา ตลอดจนเข้าค่ายภาษาอังกฤษ English Camp กว่า 1,434 คน ในส่วนของครูได้เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning กว่า 100 คน และร่วมโครงการพัฒนาครูฝึกในสถานประกอบการ 60 คน และระดมความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท, สมาคมส่งเสริมธุรกิจบริการผู้สูงอายุไทย, บริษัท CP ALL สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล, Fredrich-List-Schule เยอรมนี เป็นต้น รวมทั้งมีการขึ้นทะเบียนครูพิเศษอาชีวศึกษา 23 คน

โดยขณะนี้ได้เตรียมการพัฒนาและเปิดหลักสูตรใหม่ เพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียนให้สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการในพื้นที่ อาทิ สาขางานช่างอากาศยาน สาขางานระบบรางขนส่ง สาขาดูแลผู้สูงอายุ สาขางานท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สาขางานสถานพยาบาลครบวงจร เป็นต้น ในส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์มีสาขาวิชาที่เป็นที่นิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ สาขาวิชาช่างยนต์ สาขาวิชาไฟฟ้ากำลัง สาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และสาขาวิชาช่างกลโรงงาน นอกจากนี้ ยังได้ร่วมโครงการขับเคลื่อนสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมอาชีวศึกษา เข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม จำนวน 10 ชิ้นงาน อาทิ เครื่องคั่วพริก ชุดแจ้งเตือนประสิทธิภาพและความสกปรก ของแผ่นกรองเครื่องปรับอากาศผ่านระบบไลน์

2) ศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง 1 (NEEC TVET Career Center) ประกอบด้วย จังหวัดอุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคาย เลย และบึงกาฬ โดยมีความก้าวหน้างานทั้ง 5 ภารกิจในหลายส่วน อาทิ มีการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวางแผนการผลิตกำลังคน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2561-2563 พร้อมมีแผนจัดฝึกอบรม Big Data System แก่สถานประกอบการกว่า 2 หมื่นแห่ง และประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจเพื่อขยายการนำเข้าข้อมูลความต้องการต่อไป

สำหรับการส่งเสริมสมรรถนะผู้เรียนเข้าสู่มาตรฐานวิชาชีพ ทั้งการทดสอบมาตรฐานวิชาชีพ 6,560 คน การแข่งขันทดสอบทักษะวิชาชีพ 4,430 คน ทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษ (TOEIC) 356 คน พร้อมได้รับการสนับสนุนทรัพยากรด้านงบประมาณ เครื่องมืออุปกรณ์ ทุนการศึกษา ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ และมีแผนที่จะพัฒนาและเปิดหลักสูตรใหม่ เพื่อการมีงานทำและสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ อาทิ สาขาโลจิสติกส์ สาขางานอาหารเพื่อการท่องเที่ยว สาขาช่างซ่อมบำรุง สาขางาน MICE เป็นต้น นอกจากนี้มีบุคลากรจากภาคเอกชนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นครูพิเศษอาชีวศึกษา อาทิ บริษัท อุดรกระจกรถยนต์ จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด เซฟ-เวย์ คาร์เซ็นเตอร์ เป็นต้น

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการที่ได้รับฟังรายงานผลการดำเนินงานด้านอาชีวศึกษา ต้องขอชื่นชมที่ทุกคนทุกฝ่าย มีความมุ่งมั่นตั้งใจขับเคลื่อนงานให้เกิดความก้าวหน้ามาโดยลำดับ พร้อมขอฝากแนวทางและหลักคิดในการดำเนินงาน เพื่อพัฒนาและต่อยอดแผนงานให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น ดังนี้

  • ขอให้มีการทบทวนการจัดหมวดหมู่ของข้อมูลให้ถูกต้องตามภารกิจทั้ง 5 ด้าน พร้อมร่วมกันพิจารณาการเพิ่มหรือลดหลักสูตร ตามลำดับความเร่งด่วน และคำนึงถึงความต้องการกำลังคน (Demand side) เพื่อให้การวางแผนการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษามีความสมบูรณ์ และสอดคล้องเชื่อมโยงกับการพัฒนาในระดับพื้นที่ ท้องถิ่น ต่อยอดไปถึงระดับประเทศ

  • เร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์กลางของ Big Data System ด้านอาชีวศึกษา พร้อมรวบรวมข้อมูลให้มีความถูกต้อง สมบูรณ์ และครอบคลุมในทุกระดับ ที่จะสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ทั้งนี้ให้ดำเนินการโดยทันที ตลอดจนเน้นความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูลเป็นสำคัญ

  • การขึ้นทะเบียนครูพิเศษอาชีวศึกษาอุตสาหกรรม 4.0 และอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งเริ่มต้นในพื้นที่จังหวัดชลบุรีแล้ว และอยู่ระหว่างการประสานเชิญชวนผู้มีประสบการณ์ และผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ มาเป็น “ครูพิเศษ” ในพื้นที่อื่นมากขึ้น โดยคาดว่าภายในเดือนกันยายน 2561 นี้ จะสามารถขึ้นทะเบียนครูพิเศษได้ไม่น้อยกว่า 100 คน โดยมุ่งหวังให้โรงงานอุตสาหกรรม 4.0 และสถานประกอบการต่าง ๆ เป็นสถานที่ฝึกประสบการณ์ให้กับนักเรียนนักศึกษาอาชีวศึกษาด้วย

  • การขับเคลื่อนสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมอาชีวศึกษา เข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม ซึ่งเป็นการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างสถานประกอบการกับสถานศึกษาอาชีวศึกษา เน้นความร่วมมือของนักประดิษฐ์และสถานประกอบการเพื่อนำสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมของนักศึกษาเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม เมื่อดำเนินการขับเคลื่อนครบทั้ง 6 ภาคแล้ว ขอให้รวบรวมสรุปผลการดำเนินโครงการและประเมินผลเพื่อวางแผนการทำงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ด้วย

  • โครงการอาชีวศึกษาเพื่อพัฒนาชนบท หรือ อศ.กช. ในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี และวิทยาลัยประมง รวม 48 แห่งทั่วประเทศ โดยการจัดการเรียนการสอนที่ใช้อาชีพเป็นฐาน พร้อมกลยุทธ์ของ Best Practice กลุ่มเกษตรกรเก่า ประสานความร่วมมือกับกลุ่ม Young Smart Famer เพื่อสร้างโอกาส และการเข้าถึงการศึกษาให้แก่ประชาชนในชนบท ให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะ นำไปประกอบอาชีพหลักและอาชีพเสริม เพื่อสร้างรายได้ โดยมีแผนขยายเป้าหมายของกลุ่มผู้เรียนอาชีวศึกษาให้เพิ่มมากขึ้น โดยในปีการศึกษา 2561 มีนักศึกษาโครงการ อศ.กช. รวมทั้งสิ้น 5,936 คน ทั้งนี้หากมีผู้สนใจเข้าศึกษาหรือเยี่ยมชมโครงการฯ สามารถสอบถามได้ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งถือว่า อศ.กช. เป็นโครงการที่ดี และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการส่งเสริมให้ประชาชนได้พัฒนาทักษะอาชีพ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยขอให้มีการสำรวจและรวบรวมผลการดำเนินงาน เพื่อนำมาประเมินผลและพิจารณาแนวทางการพัฒนาต่อไป

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า การดำเนินการทุกอย่างต้องดูความต้องการของประชาชนและทิศทางการพัฒนาประเทศเป็นหลัก โดยเน้นให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อนักเรียน ผู้ปกครอง ประชาชน และสถานศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมมีแผนการดำเนินงานที่มีความชัดเจน ทั้งในเรื่องของนโยบายและการปฏิบัติ ที่จะช่วยให้เกิดความยั่งยืนทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยยึดหลักคิด “ริเริ่ม รวดเร็ว รอบคอบ รอบด้าน เรียบร้อย” เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

โอกาสนี้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ และคณะ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลงาน สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมของสถานศึกษาอาชีวศึกษา ภาคเหนือตอนล่าง 1 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง 1 ซึ่งสิ่งประดิษฐ์หลายชิ้นได้เข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม


  • ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานสำนักงาน กศน. ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์และใกล้เคียง ที่ กศน.ตำบลบุ่งน้ำเต้า อำเภอหล่มสัก

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางพร้อมด้วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และคณะผู้บริหารจากส่วนกลางและภูมิภาค ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการจัดการศึกษาของสำนักงาน กศน.ตำบล ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดและเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ตามบทบาทที่สำคัญ 4 ด้าน คือ 1) ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ 2) ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยตำบล 3) ศูนย์ดิจิทัลชุมชน 4) ศูนย์การศึกษาตลอดชีวิตชุมชน

อีกทั้งเมื่อต้นปี 2561 รัฐบาลได้กำหนดนโยบายพิเศษมาขับเคลื่อนประเทศ คือ โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ซึ่งสำนักงาน กศน. ก็เป็นหน่วยงานหลักของกระทรวงศึกษาธิการที่ทำหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งตามลำดับจนกระทั่งสรุปงานการดำเนินโครงการ พบว่ามีงานริเริ่มที่เกิดจากชาว กศน. ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน มีรายได้เพิ่มขึ้น พ้นจากความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำ คือ

  • โครงการชุมชนต้นแบบ ซึ่งเป็นเสมือนศูนย์การเรียนรู้อีกรูปแบบหนึ่งในชุมชนนั้น ๆ ขณะนี้มีจำนวน 928 ชุมชน และจะขยายผลไปทุกตำบลทั่วประเทศให้เป็น “ชุมชนต้นแบบระดับตำบล” ครบทั้ง 7,424 ตำบลภายในปี 2561 เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน

  • การสอนและถ่ายทอดองค์ความรู้การค้าออนไลน์ (e-Commerce) เพื่อช่วยให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าขยายเพิ่มเติมจากพื้นที่ที่มีอยู่เดิม 1 แห่ง ขยายไปอีก 2-3 แห่ง แต่จะเน้นไปที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ ขณะนี้มีสมาชิกผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตร e-Commerce เพิ่มขึ้นเป็น 3.2 แสนคนแล้ว โดยให้ กศน.อำเภอ/ตำบลทั่วประเทศ เปิดพื้นที่เป็น “ศูนย์จำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ออนไลน์ กศน.(ONIE Online Commerce Center – OOCC)” ในส่วนที่สามารถดำเนินการได้ตามบริบทของพื้นที่ เพื่อเป็นสถานที่สำหรับประชาชนในการวางจำหน่ายสินค้าหรือสร้างช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ตลอดจนให้คำปรึกษาและให้ความรู้เกี่ยวกับการผลิตและการจำหน่ายสินค้าออนไลน์โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นตามแนวทางโครงการไทยนิยม ยั่งยืน

  • การแก้ปัญหาประชากรวัยเรียนนอกระบบการศึกษา ซึ่งในเรื่องนี้ดำเนินการประสบความสำเร็จมาแล้วในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ด้วยวิธีเคาะประตูบ้านเพื่อตามหาประชากรวัยเรียน จนสามารถนำประชากรวัยเรียนอายุระหว่าง 3-18 ปี กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้จำนวน 45,890 คน หรือร้อยละ 60 ของจำนวนเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษา จนได้รับการชื่นชมจากยูเนสโก โดยจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเสนอในการประชุมอาเซียน เพื่อถ่ายทอดให้ประเทศสมาชิกรับทราบด้วย และ ศธ.จะขยายไปในพื้นที่อื่นทั่วประเทศ เพื่อดึงคนกลับเข้ามาในระบบการศึกษาให้มากขึ้น

  • การดูแลสุขภาวะ สุขอนามัยของประชาชนในพื้นที่ โดยให้ครู กศน. ทำงานร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุข เพื่อให้ความรู้กับประชาชนในการดูแลและป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง พร้อมประเมินผลเพื่อสะท้อนความเห็นของประชาชนและนำมาปรับปรุงการดำเนินงาน

  • การส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อให้อ่านออกเขียนได้/อ่านคล่องเขียนคล่อง โดยใช้กระบวนการเรียนการสอน ตลอดจนสื่อต่าง ๆ ที่กระทรวงศึกษาธิการมีอยู่แล้วอย่างจริงจัง อาทิ การแจกรูปสะกดคำ, ตำราที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นต้น

โอกาสนี้ พล.อ.สุรเชษฐ์ และคณะ ได้เยี่ยมชมผลการดำเนินงานของ กศน.ตำบล เช่น OOCC กศน.บุ่งน้ำเต้า ซึ่งเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ กศน., กลุ่มศูนย์ฝึกอาชีพ 1 อำเภอ 1 อาชีพ, ไก่ย่างข้าวเบือ 3 รส, เยี่ยมชมผลงานกลุ่มอาชีพ โซนหลักเมือง, ช่างปูนปั้น ต.ลานบ่า, กระถางยางรถยนต์ ต.น้ำชุน, การทำน้ำพริก ต.บุ่งน้ำเต้า,  อาหารและขนม ต.หนองไขว่, ถักสานเส้นพลาสติก ต.บุ่งคล้า, ผักปลอดภัย ต.ปากดุก, ข้าวโพดหวานสีแดง ราชินีทับทิมสยาม พันธุ์แรกของโลกที่กินดิบๆ ได้ เป็นต้น


  • ติดตามโครงการห้องเรียนกีฬา รร.กาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์ อำเภอ​หล่มสัก

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า โครงการห้องเรียนกีฬา เป็นโครงการของรัฐบาลที่นำการกีฬาเข้าสู่ระบบการศึกษา ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ และสถาบันการพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และเพื่อให้โครงการมีความยั่งยืนได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการโครงการเป็นระยะเวลา 5 ปีต่อเนื่อง เพื่อสามารถวางแผนงานและงบประมาณดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องในโรงเรียนทั้ง 9 แห่งใน 8 จังหวัด และทุกประเภทกีฬา คือ ฟุตบอลชาย/หญิง วอลเลย์บอลหญิง และบาสเก็ตบอลหญิง

สำหรับโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์ ซึ่งได้ดำเนินงานตามบันทึกความตกลงร่วมกับสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเพชรบูรณ์ ที่ให้การสนับสนุนทั้งศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ครู สถานที่ฝึกซ้อม ตลอดจนโภชนาการและวิทยาศาสตร์การกีฬา พร้อมดูแลนักเรียนอย่างรอบด้าน ทั้งการเรียนและความเป็นเลิศด้านกีฬา ตามความมุ่งหมายของโครงการ คือการสร้างนักกีฬาสู่ความเป็นเลิศในการแข่งขันระดับประเทศและระดับสากล พร้อมคุณธรรมจริยธรรมอย่างรอบด้าน

ซึ่งถือว่าโรงเรียนมีผลความก้าวหน้าการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ โดยต่อจากนี้ ขอให้เตรียมวางแผนการทำงานในระยะต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาเด็กให้มีความสมบูรณ์ครบเครื่อง พร้อมจะมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สนับสนุนดูแลการดำเนินงานของโรงเรียนในด้านต่าง ๆ อาทิ จำนวนหอพักนักเรียนอย่างเพียงพอ สนามสำหรับฝึกซ้อมและจัดแข่งขัน ไฟส่องสว่าง สระว่ายน้ำ อุปกรณ์พัฒนาความแข็งแรงของร่างกาย ตลอดจนด้านโภชนาการ เน้นอาหารที่เพียงพอ มีความสดใหม่ ปรุงสุก รวมทั้งความเป็นอยู่ของครู อาทิ บ้านพักครูที่สอนวิชาการและครูที่เป็นโค้ช เป็นต้น

นอกจากนี้ ขอให้นำข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปสู่การปฏิบัติ คือการส่งเสริมให้นักเรียนได้เล่นกีฬา พร้อมเชื่อมโยงโครงการห้องเรียนกีฬากับโรงพยาบาลในค่ายทหาร เพื่อเชิญแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสุขภาพและร่างกาย มาเป็นวิทยากรในห้องเรียน ในส่วนของการพัฒนาครูนั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมที่จะสนับสนุนโค้ชมาช่วยสอนครูฟุตบอลในช่วงปิดเทอมได้รุ่นละ 30 คน ขอให้ สพฐ. ประสานงานให้เกิดความเป็นรูปธรรมในช่วงเดือนตุลาคมนี้ โดยเริ่มจากฟุตบอลในโรงเรียนโครงการห้องเรียนกีฬาในแต่ละภาค ส่วนกีฬาประเภทอื่นก็ให้ดำเนินการในแนวทางเดียวกับฟุตบอลด้วย

โอกาสนี้ รมช.ศึกษาธิการ ได้พบปะและให้กำลังนักเรียนโครงการห้องเรียนกีฬา พร้อมกล่าวฝากให้เด็ก ๆ ทุกคนระลึกถึงคติพจน์ “เส้นทางสู่ฝัน สรรค์สร้างแรงบันดาลใจ นักกีฬาไทยสู่สากล” นั่นหมายถึง การมีความฝันที่จะเป็นนักกีฬาตัวแทนของประเทศ มีแรงบันดาลใจ และมีโอกาสทางการศึกษา เพื่อที่จะได้เรียนวิชาการควบคู่กับการฝึกซ้อม และมีความพร้อมทั้งด้านรูปร่าง ส่วนสูง และความสามารถ ตลอดจนศักยภาพในการแข่งขันในระดับสากลได้ ดังนั้น หน้าที่ของเรา คือการเชื่อฟังครูอาจารย์ โค้ช พร้อมตั้งใจมุ่งมั่นเป็นเด็กดีรอบด้าน มีความโดดเด่นด้านกีฬา และประสบความสำเร็จในชีวิต


Written by อรพรรณ ฤทธิ์มั่น, นวรัตน์ รามสูต, บัลลังก์ โรหิตเสถียร
Photo Credit
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี, ปกรณ์ เรืองยิ่ง (VDO)
Rewriter นวรัตน์ รามสูต
Editor บัลลังก์ โรหิตเสถียร