ลงพื้นที่ ครม.สัญจร

รมช.ศึกษาธิการ “พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์” ลงพื้นที่รับฟังความพร้อมในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา เขตพัฒนาพิเศษภาคกลาง ณ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นภารกิจการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2561 (ภาคกลางตอนล่าง) วันที่ 6 มีนาคม 2561 ณ จังหวัดเพชรบุรี

วันนี้ (5 มี.ค.61) เวลา 14.45-17.45 น. พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  ได้ประชุมกับผู้บริหารทุกสังกัด ทั้งส่วนกลางและพื้นที่ภาคกลาง เพื่อรับฟังความพร้อมในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา เขตพัฒนาพิเศษภาคกลาง ณ ห้องประชุมวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม อ.เมืองสมุทรสงคราม รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานและองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เกี่ยวกับการวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคน

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกันครั้งนี้ ได้เน้นย้ำว่าสิ่งที่ต้องการเห็นเป็นรูปธรรมของการจัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา” ในภาคต่าง ๆ ทั้ง 6 ภาค ซึ่งขณะนี้ได้จัดตั้งไปเรียบร้อยแล้ว 2 ภาค คือ 1) ศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ศูนย์หลักอยู่ที่ จ.ชลบุรี ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 8 จังหวัดภาคตะวันออก 2) ศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์หลักอยู่ที่ จ.ปัตตานี ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามลำดับ

โดยสิ่งที่ต้องการเห็นเป็นรูปธรรมก่อนที่จะเปิดศูนย์ที่เหลืออีก 4 ภาค ภายในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนเดือนพฤษภาคมนี้ คือ ต้องมีความเข้าใจนโยบายการวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศในพื้นที่ต่าง ๆ ร่วมกัน สร้างการรับรู้ให้เกิดความเข้าใจในเรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้น จึงได้ฝากให้ผู้เกี่ยวข้องที่จะจัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาอีก 4 ภาค ให้ไปพิจารณาเตรียมการเปิดศูนย์ โดยต้องมีความพร้อมที่จะเปิดได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ทำพิธีเปิดเท่านั้น

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องมี “ข้อมูล” ความต้องการกำลังคน (Demand Side) ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะหากข้อมูลไม่แม่นยำ จะเดินต่อในเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้ โดยขอให้ศึกษา Big Data System ซึ่งจัดทำระบบโดย ผศ.บรรพต วิรุณราช อดีตคณบดีวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งนำวิธีการทำงานด้านวิชาการไปเริ่มต้นโดยใช้การนำข้อมูลเข้าระบบ Big Data System ส่งผลช่วยให้นำข้อมูล Demand Side ที่โยงไปถึงกับสถานประกอบการและการทำงานประชารัฐได้ทันที

หากเรานำ Big Data ของศูนย์ 6 ภาค มาเชื่อมโยงกันได้ ก็จะนำไปสู่เป็นข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีความสมบูรณ์มากขึ้น อันจะนำไปสู่ Big Data ของรัฐบาลต่อไป

ดังนั้น ก่อนจะเปิดศูนย์ฯ จึงขอให้จัดเตรียมข้อมูล เนื้อหาสาระ โครงสร้าง สถานที่ และปัจจัยต่าง ๆ ให้มีความพร้อมมากที่สุด ต้องมองการพัฒนาระยะยาวเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง มั่นคง และมีความยั่งยืน โดยนำหลักสำคัญที่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการไว้แล้ว คือ แผนบูรณาการด้านการศึกษาของภาค ปีงบประมาณ 2561-2562 รวมทั้งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค เมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.25602564) โดยคำนึงถึงความเชื่อมโยงการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาให้สามารถตอบสนองต่อมิติของการพัฒนาประเทศ ทั้งมิติความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และการทำงานร่วมกันทั้ง 6 ภาคให้สอดคล้องเกี่ยวข้องกัน

จึงได้เน้นย้ำมองให้ครอบคลุม รอบด้านการศึกษาทุกระดับทุกประเภท คิดวางแผนให้ครบถ้วนด้วย

“ต้องการให้ศูนย์อีก 4 แห่ง 4 ภาคที่เหลือ เปิดได้ทันภายในเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งการทำงานลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งมาคิดริเริ่มใหม่ หรือนโยบายฉาบฉวย แต่เป็นการทำงานและวางแผนที่ต่อเนื่องมาเป็นขั้นเป็นตอนกว่า 3 ปีแล้ว

นอกจากนี้ ขอให้น้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 รวมทั้งศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาช่วยวิเคราะห์เพื่อกำหนดโครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนบูรณาการศึกษาในทุกภาค

ภายใต้สูตรการสร้างความสำเร็จที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำอยู่เสมอ คือ “ความสำเร็จ = ความเพียร + ความร่วมมือ + ประชารัฐ” พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

ผศ.บรรพต วิรุณราช ที่ปรึกษาหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ อดีตคณบดีวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงการวางระบบจัดทำ Big Data System ของศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา” ว่าจะแตกต่างจากระบบ VCOP ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งระบบเดิมเป็นระบบเปิด สาธารณะ แต่ระบบใหม่จะมีหลักการที่สำคัญ คือ

     1) เป็นระบบกึ่งปิด โดยผู้ประกอบการสามารถมองเห็นความต้องการของแรงงานเฉพาะของตนเองเท่านั้น ไม่สามารถมองเห็นข้อมูลความต้องการของผู้ประกอบการอื่นได้ จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลอย่างมั่นใจ อีกทั้งเป็นระบบ
     2) เป็นระบบที่สามารถกรอกข้อมูลคาดการณ์ในอนาคต ในแต่ละเดือน/ปี เพื่อในการนำมาใช้ประโยชน์วางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคนในอนาคต ทั้งระยะใกล้และระยะไกล สามารถเห็นว่าตำแหน่งที่ต้องการได้บรรจุหรือยัง
     3) ระบบสามารถควบคุมจัดการโดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ โดยมีการบันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบอย่างง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อประโยชน์โดยตรงในการพัฒนาและผลิตกำลังคน โดนเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ สามารถติดตามข้อมูลเชิงลึกเป็นรายบริษัทได้ ทำให้เจ้าหน้าที่อาชีวะกับบริษัทจะใกล้ชิดกัน โดยระบบเป็นตัวบังคับ
     4) เป็นระบบต้นแบบ ที่ต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์และพันธกิจของศูนย์ฯ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป เป็นขั้น 2 ขั้น 3 เข้าสู่ Big Data โดยสัมภาษณ์งานในระบบนี้ได้

อนึ่ง ในการประชุมครั้งนี้ มีข้อเสนอและความคิดเห็นที่หลากหลายจากผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. บางส่วน ดังนี้

  • พล.อ.สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ที่ปรึกษา รมช.ศธ.  “จากการติดตามงาน Big Data ของ ผศ.บรรพต วิรุณราช ครั้งแรกที่ศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกปัตตานี ทำให้เห็นว่าเป็นระบบฐานข้อมูลกลางที่ดี รู้สึกชื่นชม และจากการติดตาม รมช.ศึกษาธิการ ไปตรวจเยี่ยมศูนย์ฯ หลายแห่งมีมาตรฐานที่ดี หวังที่จะเห็นความมีมาตรฐานเกิดขึ้นกับศูนย์ทุกแห่ง ทั้งศูนย์ระดับภาคและศูนย์ย่อย”

  • นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการ กอศ.  “จะเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ฯ อีก 4 ภาค ให้เป็นไปตามนโยบายที่ รมช.ศธ.เน้นย้ำ คือ ข้อมูลการวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคนต้องถูกต้องชัดเจนแม่นยำ ฐานข้อมูลเป็นระบบเดียวกันที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ โดยจะให้การทำงานของ 5 ฝ่ายของศูนย์ประสานงานฯ ร่วมมือกันวางแผนเตรียมความพร้อมอย่างเข้มแข็ง ทั้งฝ่ายข้อมูลกลาง ฝ่ายส่งเสริมสมรรถนะฯ ฝ่ายส่งเสริมระดมทรัพยากรฯ ฝ่ายจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับการมีงานทำ และฝ่ายวิจัยและพัฒนา โดย สอศ.จะรวบรวมและรายงานความพร้อมศูนย์ฯ ภาคที่เหลือว่าศูนย์ใดจะเป็นศูนย์ระดับภาค และมีความพร้อมจะเปิดเมื่อใด”

  • นายประเสริฐ บุญเรือง รองปลัด ศธ. “การผลิตสายอาชีวะไม่น่าห่วง แต่ยังห่วงการผลิตกำลังคนของมหาวิทยาลัยหลายแห่งหลายสาขาที่ยังไม่ตรงกับความต้องการกับการมีงานทำของประเทศ”

  • นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. “การจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ระดับภาคทั้ง 6 ภาค ถือเป็นมิติใหม่ของประเทศ เป็นการเตรียมอาชีวะ เชื่อมโยงกับ สพฐ. และผู้เรียนทุกระดับ และขอให้มองการวางแผนระยะยาวที่มีการบูรณาการร่วมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน”

  • นายกฤตชัย อรุณรัตน์ เลขาธิการ กศน. “พร้อมที่จะสนับสนุนการส่งต่อผู้เรียน กศน.ให้กับสายอาชีวะ และร่วมมือแลกเปลี่ยนผู้สอนโดยเริ่มต้น 30 หลักสูตร ใน 3 จังหวัดพื้นที่ EEC ก่อน และพร้อมจะส่งเสริมสนับสนุนระบบทวิศึกษา ร่วมกับ สอศ.ให้เกิดความต่อเนื่อง โดย กศน.สอนวิชาพื้นฐาน ส่วน สอศ.สอนวิชาชีพ”

  • นางนิตย์ โรจน์รัตนวาณิชย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 9  “จากการไปตรวจราชการ พบว่าโรงเรียนขยายโอกาสที่อยู่พื้นที่ห่างไกล ยังต้องการให้อาชีวะเข้าไปแนะแนว สร้างทางเลือกการเข้าเรียนให้แก่ผู้เรียน เด็กจำนวนมากยังขาดแคลนทุนทรัพย์ที่จะเรียนต่อ อาจจัดหาทุนการศึกษาให้ หรือมีทางออกให้เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนอาชีวะของประเทศให้มากขึ้น”

  • นายณรงค์ แผ้วพลสง รองเลขาธิการ กพฐ.  “สพฐ.ต้องเป็นหน่วยงานหลักที่จะผลักดันให้เด็กนักเรียนได้เรียนสายอาชีพในระบบทวิศึกษาให้มากขึ้น จะวางระบบการแนะแนวให้โรงเรียนให้เด็กที่จบ ม.3 สามารถค้นพบตัวเองที่จะเลือกเรียนได้ตามความถนัดทั้งสายวิชาการและสายอาชีพ”

  • น.ส.วัฒนาพร สุขพรต ผอ.สำนักนโยบายและแผนการอุดมศึกษา สกอ.  “เห็นด้วยกับนโยบายรัฐที่มุ่งเน้นผู้เรียนไปเรียนสายอาชีพมากขึ้น รวมทั้งระบบทวิศึกษา เพราะผู้เรียนมหาวิทยาลัยหลายแห่งหลายสาขาจบออกมาแล้วไม่มีงานทำ ซึ่งเชื่อมโยงไปยังการศึกษาระดับก่อนอุดมศึกษา ทั้งมัธยม-อาชีวะที่ต้องร่วมกันวางแผนการส่งต่อผู้เรียน จึงต้องมีการเชื่อมเส้นทางการเรียนของเด็กตั้งแต่มัธยม”

  • น.ส.สมรัชนีกร อ่องเอิบ ผอ.สำนักนโยบายและแผนการศึกษา สกศ. “สกศ.เป็นหน่วยงานนโยบาย โดยดูแลการผลิตและพัฒนากำลังคนสาขาต่าง ๆ เช่น สาขาแม่พิมพ์ ก็มีคณะกรรมการฯ ที่ดูแล ซึ่งเห็นว่าวิทยาลัยอาชีวะในภาคกลางหลายแห่งมีจุดเด่นในเรื่องนี้ ทำอย่างไรจึงจะส่งเสริมให้เป็นศูนย์ที่มีความเป็นเลิศในเรื่องนี้ และการเชื่อมโยงผู้เรียน สพฐ.-สอศ. ก็ต้องมี Data ที่เห็นชัด มีการใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้งคน เครื่องมือ อุปกรณ์ เพื่อไปสู่เป้าหมายสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวะของไทยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสายสามัญเป็น 50 : 50 ใน 20 ปีข้างหน้าตามเป้าหมาย”

  • นายชลำ อรรถธรรม รองเลขาธิการ กช. “โรงเรียนเอกชนนอกระบบหลายแห่งมีการเรียนการสอนสายอาชีพ กำลังมีโครงการถ่ายโอนให้เด็กเข้าสู่โรงเรียนในระบบด้วย โดยจัดการเรียนการสอนวิชาชีพ เพื่อถ่ายโอนนอกระบบสู่ในระบบ”

ภายหลังการประชุม พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ และคณะ ได้เยี่ยมชมความก้าวหน้าการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม ซึ่งมีความก้าวหน้าและจุดเด่นระบบทวิภาคี สาขาวิชาที่หลากหลาย เช่น ช่างยนต์ ช่างกลโรงงาน เชื่อมโลหะ เขียนแบบเครื่องกล แม่พิมพ์ เป็นต้น


Written by บัลลังก์ โรหิตเสถียร
Photo Credit ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี, ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า
Editor บัลลังก์ โรหิตเสถียร
More Photos facebook ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี, etvMAC