สามัคคีสัมพันธ์ สานฝันห้องเรียนกีฬา
จังหวัดนครนายก – พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดโครงการ “สามัคคีสัมพันธ์ สานฝันห้องเรียนกีฬา” เมื่อวันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม 2560 ณ โรงแรมชลพฤกษ์ รีสอร์ท โดยมีนักเรียน 2 โครงการ จากโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และโครงการห้องเรียนกีฬา เข้าร่วม
พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ กล่าวในพิธีเปิดว่า ในนามของกระทรวงศึกษาธิการ มีความภาคภูมิใจอย่างที่สุดที่ได้มาเป็นประธานเปิดงานในครั้งนี้ ถือเป็นความประทับใจที่ดีงามและน่าจดจำ ที่ได้มาพบกับนักเรียนจากโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และโครงการห้องเรียนกีฬา จึงใช้โอกาสนี้สร้างการรับรู้ความเข้าใจในการนำกีฬาเข้าสู่ระบบการศึกษาตามนโยบายรัฐบาล
“โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เมื่อนำความสำเร็จของโครงการสานฝันฯ รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ขยายผลการดำเนินงานออกไปทั่วทุกภูมิภาค เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน จึงได้เกิดเป็น “โครงการห้องเรียนกีฬา” ซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักเรียนที่มีความรู้พื้นฐานทางวิชาการค่อนข้างดี มีทักษะความสามารถด้านกีฬา และมีรูปร่างสูงร่างกายแข็งแรง เพื่อวางแผนการผลิตนักกีฬาในระดับชาติเข้าสู่การแข่งขันในระดับสากลได้อย่างไม่เสียเปรียบในเรื่องของรูปร่างและทักษะความสามารถ โดยเริ่มต้นโครงการห้องเรียนกีฬา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
เมื่อดำเนินการโครงการห้องเรียนกีฬาจนมีความก้าวหน้าที่มีคุณภาพไปได้ 1 ปี สพฐ.ได้มีการสำรวจความต้องการของประชาชน และเสนอให้มีการขยายเพิ่มเติมเพื่อให้ทั่วถึงในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นด้วย จึงได้ขยายผลการดำเนินงานโครงการห้องเรียนกีฬาเพิ่มเติมไปอีก 4 จังหวัด 5 โรงเรียน ที่จังหวัดชัยภูมิ (ซึ่งมีประเภทกีฬาบาสเก็ตบอลเพิ่มเติมด้วย) อุดรธานี เพชรบูรณ์ และชุมพร ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการคัดเลือกนักเรียนเข้าร่วมโครงการแล้ว
ทั้งนี้ นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการห้องเรียนกีฬา เป็นนักเรียนทุนการศึกษาของรัฐบาล และนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จะได้โควต้าที่นั่งเรียนในมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติตามความสมัครใจ ถือเป็นความตกลงการทำงานร่วมกันของรัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โครงการทั้งสองได้สอนให้นักเรียนทุกคนมีระเบียบวินัย มีน้ำใจ เป็นคนดี มีความรู้ และเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งปีที่ผ่านมาก็ได้จัดกิจกรรมทัศนศึกษาให้กับนักเรียนทั้งสองโครงการในช่วงปิดภาคเรียน เพื่อให้นักเรียนได้มาพบปะกันและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยใช้การเล่นกีฬาซึ่งเป็นความถนัดทั้งสองประเภท รวมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้พหุวัฒนธรรมตามคำกล่าวที่ว่า “รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย อยู่ภาคไหน ๆ ก็ไทยด้วยกัน เชื้อสายประเพณี ไม่มีขีดขั้น อยู่ใต้ธงไทยนั้น ปวงชนทุกคนคือไทย” นั่นหมายถึงไม่ว่าเราจะมาจากที่ไหน นับถือศาสนาใด มีประเพณีใด ก็เป็นคนไทยด้วยกัน จึงขอให้นักเรียนนำสิ่งที่เป็นความดีงามของแต่ละภาคแต่ละท้องถิ่น มาเผยแพร่และแลกเปลี่ยนแสดงให้เพื่อนที่อยู่ในภาคอื่นได้เรียนรู้ความดีงามของแต่ละภาคด้วย
สิ่งดี ๆ เหล่านี้ คือความเป็นมาของทั้งสองโครงการ คือ “
จึงได้น้อมนำพระบรมราโชวาทในวันเปิดการแข่งขันกรีฑานักเรียนประจำปี วันที่ 28 พฤศจิกายน 2504 ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเผยแพร่ให้นักเรียนในโครงการได้รับฟังโดยทั่วกัน ความว่า “…การกีฬานั้นนับเป็นอุปกรณ์การศึกษาที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นการกล่อมเกลาให้เด็กมีจิตใจอดทน กล้าหาญ รู้แพ้ รู้ชนะ ปลูกฝังพลานามัยให้แข็งแรง เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เด็กเป็นผู้มีสมรรถภาพ ทั้งในทางจิตใจและร่างกาย เป็นผลสืบเนื่องไปถึงการเป็นพลเมืองของชาติ อันเป็นยอดแห่งความปรารถนา…”
นอกจากนี้ ฝากให้นักเรียนทุกคนน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ไปสู่การปฏิบัติ คือ การมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง, มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง-มีคุณธรรม, มีงานทำ-มีอาชีพ และเป็นพลเมืองดี
ขอให้ทุกคนเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่ แข่งขันกีฬาอย่างสุภาพด้วยความมีน้ำใจนักกีฬา เสริมสร้างมิตรภาพและความสามัคคี และขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนและร่วมมือกันจัดกิจกรรมที่มีประโยชน์เช่นนี้ และขอบใจนักเรียนทุกคนที่ตั้งใจทำความดีให้เกิดขึ้นต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติทั้งวันนี้และในวันข้างหน้า
นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สพฐ. ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลสู่การปฏิบัติด้วยการนำกีฬาเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยได้จัดโครงการ “สานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้” จำนวน 8 โรงเรียน คือ โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ยะลา, โรงเรียนรือเสาะชนูปถัมภ์, โรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษา, โรงเรียนนาทวีวิทยาคม, โรงเรียนมัธยมสุไหงปาดี, โรงเรียนละงูพิทยาคม, โรงเรียนเบตง วีระราษฎร์ประสาน และโรงเรียนสุวรรณไพบูลย์
รวมทั้งโครงการ “ห้องเรียนกีฬาใน 4 ภูมิภาค” จำนวน 4 โรงเรียน คือ โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย กระบี่, โรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม, โรงเรียนสารคามพิทยาคม และโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ สมุทรสาคร และจะเปิดเพิ่มเติมอีก 5 โรงเรียน 4 จังหวัด ได้แก่ โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย ชัยภูมิ, โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์, โรงเรียนอุดรพัฒนาการ และโรงเรียนราชินูทิศ 2 จังหวัดอุดรธานี, และโรงเรียนทุ่งตะโกวิทยา จังหวัดชุมพร ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 เป็นต้นไป
สำหรับการจัดกิจกรรม
ทั้งนี้ คาดหวังว่านักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้เรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับพหุวัฒนธรรมและสร้างมิตรภาพ ความรัก ความสามัคคี ผ่านกิจกรรมกีฬาฟุตบอลและวอลเลย์บอล พร้อมทั้งเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการปฏิรูปการศึกษา โดยการใช้กีฬาเป็นสื่อในการแก้ปัญหาสังคม สร้างลักษณะนิสัยให้มีน้ำใจนักกีฬา พัฒนาความรู้และทักษะจนสามารถประกอบอาชีพได้
อรพรรณ ฤทธิ์มั่น, บัลลังก์ โรหิตเสถียร: สรุป/รายงาน
อรพรรณ ฤทธิ์มั่น, ปรียาพร โพธิรินทร์: ถ่ายภาพ
6/10/2560