พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์
– การจัดทำหลักสูตรแกนกลางของสถาบันศึกษาปอเนาะ โดยศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ร่วมกับหน่วยงานการศึกษาในพื้นที่ โดยความเห็นชอบของสำนักจุฬาราชมนตรี ในการจัดทำร่างหลักสูตรอิสลามศึกษา เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนในสถาบันศึกษาปอเนาะให้มีคุณภาพมาตรฐาน ผู้เรียนได้รับวุฒิการศึกษาเพื่อใช้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ตลอดจนช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการสอนของโต๊ะครู ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและเหมาะสมกับสภาพความเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยได้จัดพิธีมอบหลักสูตรแกนกลางแก่สถาบันศึกษาปอเนาะใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมอบรมชี้แจงแนวทางการใช้หลักสูตรแกนกลาง เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา
– การแก้ปัญหาเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษา โดยกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์การบริหารส่วนจังหวัดและตำบล ได้ติดตามเยาวชนที่อยู่นอกระบบการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีอยู่จำนวน 45,289 คน จากจำนวนประชากรวัยเรียน (3-18 ปี) ทั้งหมด 730,727 คน เพื่อนำกลับเข้ามาในระบบการศึกษา โดยสามารถนำเด็กกลับมาเรียนได้จำนวน 25,093 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็กพิการและเด็กที่จบชั้น ม.3 แล้วไม่ได้เรียนต่อ มากที่สุด และสามารถแบ่งออกเป็นรายจังหวัดได้ดังนี้ สงขลา 2,809 คน, สตูล 2,448 คน, ปัตตานี 6,082 คน, ยะลา 5,203 คน และนราธิวาส 8,551 คน
– ทุนการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับเด็กในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ จำนวน 19,903 ทุน ภายใต้การดำเนินโครงการหลัก 5 โครงการ ได้แก่
1) โครงการประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ 4,634 คน สำหรับนักเรียนที่ครอบครัวมีรายได้น้อย พร้อมที่พัก อาหาร และอุปกรณ์การเรียน
2) ทุนโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 1,314 ทุน สำหรับนักเรียนที่มีความถนัดด้านกีฬา 10 ประเภท พร้อมที่พัก อาหาร และอุปกรณ์การเรียนและกีฬา
3) ทุนโครงการภูมิทายาท 13,401 ทุน สำหรับนักเรียนที่ครอบครัวมีปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม มีความประพฤติดี เรียนดี มีความสามารถพิเศษ หรือได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ
4) ทุนโครงการโรงเรียนอุปถัมภ์ (ครอบครัวอุปถัมภ์) ปีการศึกษา 2561 จำนวน 154 ทุน แก่นักเรียนที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และเรียนอยู่ในโรงเรียนของรัฐ โดยมีผลการเรียนไม่ต่ำกว่า 2.75 ให้ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่าย 35,000 บาทต่อคนต่อปี
5) ทุนโครงการอาชีวศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีการศึกษา 2561 จำนวน 400 ทุน แก่นักเรียนนักศึกษาระดับ ปวช. และ ปวส. ที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
– โครงการเสริมสร้างชุมชนชาวพุทธเข้มแข้ง ได้มีการพบปะ ให้กำลังใจ พร้อมประชุมหารือร่วมกับอาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.) เพื่อรับฟังความคิดเห็นและรับทราบปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านชุมชนไทยพุทธ
– โครงการเพิ่มอัตราเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมอำเภอและเจ้าหน้าที่พระพุทธศาสนาอำเภอ โดยได้ดำเนินการขอเพิ่มอัตราเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมอำเภอและเจ้าหน้าที่พระพุทธศาสนาอำเภอ จำนวน 74 คนใน 37 อำเภอ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมรายละเอียดให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) พิจารณาในเดือนกรกฎาคม 2561
– โครงการวัฒนธรรมเชื่อมชายแดนใต้สันติสุข หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ได้จัดกิจกรรมทางศาสนา ศิลปวัฒนธรรม เพื่อสนับสนุนการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อาทิ โครงเสริมสร้างสังคมพหุวัฒนธรรม โครงการถนนสายวัฒนธรรม โครงการวิถีถิ่นตานีวิถีอาเซียน งานแสดงสินค้าวัฒนธรรมของดีเมืองตานี และงานกาชาดจังหวัดปัตตานี ประจำปี 2561 เป็นต้น
– การเดินสำรวจที่ดินเพื่อแก้ปัญหาที่ดินทำกินและคุณภาพชีวิตประชาชน โดยได้สำรวจที่ดินและรับรองสิทธิ์ในการทำกินของประชาชนครอบคลุม 9 อำเภอ ในปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พร้อมดำเนินโครงการส่งเสริมด้านอาชีพเพื่อพัฒนาประชาชนในหมู่บ้านต่าง ๆ พร้อมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
– การจัดเวทีชาวบ้านในโครงการชุมชนศรัทธากัมปงตักวา ใน 1,800 หมู่บ้านจากหมู่บ้านเป้าหมายกว่า 2,000 แห่ง โดยได้รับความสนใจจากประชาชนในแต่ละพื้นที่ และได้รับความร่วมมือจากอิหม่าม โต๊ะครู กำนันผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นอย่างดี นอกจากนี้ได้จัดวิทยากรบรรยายสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง จนสามารถต่อยอดสู่โครงการขยายผลการพัฒนาหมู่บ้าน ชุมชนเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ซึ่งให้การสนับสนุนงบประมาณสำหรับพัฒนาชุมชนให้เป็นสังคมที่ดีและมีคุณภาพด้วยคนในชุมชนเอง โดยในปี 2560 มีหมู่บ้านผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการกว่า 40 หมู่บ้าน และอีก 80 หมู่บ้านในปี 2561 นี้ด้วย
– การจัดชุดคุ้มครองตำบล จำนวน 60 ชุด เพื่อลงปฏิบัติงานใน 60 ตำบล โดยใช้ยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมของประชาชน
– การป้องกันและบำบัดยาเสพติดให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสร้างจิตอาสาในหมู่บ้านเป้าหมาย พร้อมวางระบบใช้สถาบันศึกษาปอเนาะเป็นศูนย์ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด เพื่อให้ชุมชนและประชาชนดูแลคนในชุมชนเอง
– การจัดตั้งสถานีตำรวจ เพิ่มเติม 3 แห่ง เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง
– การดำเนินโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เปิดโลกทัศน์และได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคม
– การจัดระบบการช่วยเหลือเยียวยาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และปรับปรุงกฎหมายเยียวยากลาง เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในแนวทางและมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ
– การแก้ไขปัญหาสถานะและสิทธิของคนไทยที่ตกหล่นทางทะเบียนราษฎร์ เพื่อดำเนินการให้ผู้ไม่มีบัตรประชาชนได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงบริการของรัฐ
– การสร้างความเข้าใจในนโยบายของรัฐบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ที่ยึดหลักกฎหมายตามแนวทางสันติวิธีและการเคารพสิทธิมนุษยชน ตลอดจนหลักความโปร่งใส เพื่อสร้างความสงบสุขในหมู่บ้าน ชุมชน และสังคม โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้อบรมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายผลสู่การเป็นวิทยากรประจำหน่วยต่อไป
– การจัดพิธีมอบบันทึกความเข้าใจในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ของมหาวิทยาลัย วิทยาลัย และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อการส่งเสริมการเรียนรู้สังคมพหุวัฒนธรรมและการพัฒนามนุษย์ (Southern Universities’ Networking for Multicultural Societies and Human Development) เมื่อวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน 2561 เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการในการขับเคลื่อนกิจกรรมพัฒนาเพื่อการเรียนรู้สังคมพหุวัฒนธรรม ระดับอุดมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา โดยความร่วมมือร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัย 5 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี และสถานศึกษาอาชีวศึกษา 18 แห่งในสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 3 ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและสถานศึกษาในพื้นที่ พร้อมจัดกิจกรรมอบรม “โครงการค่ายพัฒนาเพื่อการเรียนรู้สังคมพหุวัฒนธรรม ระดับมัธยมศึกษา” ภายใต้ผลการวิจัย เรื่องชาติพันธุ์และชาตินิยมมลายู กับการสร้างทัศนคติเชิงบวกของชาวมลายูมุสลิมรุ่นใหม่ ในสถาบันอุดมศึกษา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยต่าง ๆ และวัดความรู้ความเข้าใจพหุวัฒนธรรมและการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรม
– การสร้างเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี, อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส, อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ให้เป็นเมืองต้นแบบที่มีการพัฒนาในลักษณะพิเศษ โดยมีการลงทุนจากภาคเอกชนที่สามารถสร้างงาน และสร้างรายได้ไปยังพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนเพิ่มพื้นที่ปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น
– การสร้างชุมชนต้นแบบอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชา โดยการสร้างจิตสำนึกร่วมกันของชุมชนเพื่อร่วมแรงร่วมใจรักษาผืนป่า ตระหนักถึงการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติระหว่างคนกับป่าและคนกับต้นน้ำ การจัดการน้ำ การจัดวิสาหกิจชุมชน การใช้พลังงานน้ำเพื่อความเป็นอยู่ของคนในชุมชน โดยหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมีแผนที่จะขยายผลสร้างชุมชนต้นแบบด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มากที่สุด เพื่อให้คนอยู่ร่วมธรรมชาติได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน
– การสร้างความรู้ความเข้าใจกับองค์กรพัฒนาเอกชน (Non-Governmental Organisations: NGOs) และองค์การภาคเอกชนระหว่างประเทศ (International Governmental Organisations: IGOs) เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล การดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อขยายผลสู่ความร่วมมือในการเผยแพร่ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่จะสร้างผลดีแก่พื้นที่ สู่สาธารณชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดในการประชุมองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of the Islamic Cooperation) หรือ OIC เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา ได้แสดงความชื่นชมประเทศไทยที่ให้การส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนตามวิถีชีวิตของชาวมุสลิมเป็นอย่างดี
“