แผนบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค

จังหวัดเชียงราย – กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จัดการประชุมปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม 2560 ณ โรงแรมดุสิต ไอส์แลนด์ รีสอร์ท  โดยได้รับเกียรติจาก พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีเปิดการประชุม และมอบนโยบาย เรื่อง “การขับเคลื่อนแผนบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค” โดยผู้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วยผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ศึกษาธิการภาค รองศึกษาธิการภาค ศึกษาธิการจังหวัด รองศึกษาธิการจังหวัด ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากส่วนกลางและภูมิภาคทั่วประเทศ 380 คน

นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการจัดประชุมปฏิบัติการในครั้งนี้ว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ในระดับภาค 6 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคใต้ชายแดน ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค เมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.25602564) โดยประเทศไทยจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากศักยภาพและภูมิสังคมเฉพาะของพื้นที่ และดำเนินการเชิงรุกเพื่อเสริมจุดเด่นในระดับภาคในการเป็นฐานการผลิตและการบริการที่สำคัญ ซึ่งการพัฒนาในระดับภาคดังกล่าวได้มุ่งเน้นในเรื่องการลดช่องว่างรายได้ระหว่างภาค และมีการกระจายรายได้ที่เป็นธรรมมากขึ้น รวมทั้งการเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับประชาชนทุกกลุ่มในสังคม

กระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการจัดการศึกษาของประเทศ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ระดับภาคดังกล่าว มาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษา ให้สามารถตอบสนองต่อมิติของการพัฒนาประเทศ ทั้งในมิติความมั่นคง มิติทางเศรษฐกิจ มิติทางสังคม และมิติด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีสำนักงานศึกษาธิการภาค จำนวน 18 ภาค สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด จำนวน 76 จังหวัด และสำนักงานศึกษาธิการกรุงเทพมหานคร เป็นกลไกหลักในการบูรณาการแผนและขับเคลื่อนแผนด้านการศึกษาระดับภาค เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และบรรลุเป้าหมายของแผนแม่บทต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ดังนั้น ในการประชุมปฏิบัติการฯ ครั้งนี้ จึงได้กำหนดวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ในระดับภาค สำหรับใช้เป็นกรอบในการบูรณาการ การสร้างกลไกการขับเคลื่อนแผนงาน โครงการและกิจกรรม ด้านการศึกษาในแต่ละภาคให้บรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ ตลอดจนเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายด้านการศึกษาไปสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ภาคอย่างเป็นรูปธรรม

โดยผู้เข้าร่วมประชุมปฏิบัติการฯ ประกอบด้วยผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ ศึกษาธิการภาค รองศึกษาธิการภาค ศึกษาธิการจังหวัด รองศึกษาธิการจังหวัด ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากส่วนกลางและภูมิภาค ประมาณ 380 คน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม 2560


พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า เป็นครั้งแรกที่ได้พบปะกับผู้บริหารสำนักงานศึกษาธิการภาค (ศธภ.) สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) โดยพร้อมเพรียงกัน จึงมีความรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะศึกษาธิการภาคและศึกษาธิการจังหวัดถือเป็นหลักในการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค

ต้องยอมรับว่าการพัฒนาทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของชาติ คือ “คน” และการพัฒนาคนให้เติบโตขึ้นมามีคุณภาพสมบูรณ์พร้อมทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสติปัญญา เป็นหน้าที่หลักของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งในระดับนโยบายของกระทรวงได้เห็นพ้องกันว่า ควรมีแผนบูรณาการด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาคนในระดับภาคเกิดขึ้นให้ได้ แม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ที่จะต้องมีการขับเคลื่อนอย่างมีระบบ มีแผน และมีการดำเนินงานที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการได้พัฒนาคุณภาพการศึกษา พร้อมทั้งมีการทบทวนแผนงานและโครงการเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาคุณภาพการศึกษาใน “พื้นที่พิเศษ” จนมีความก้าวหน้าไปทีละส่วน ใน 3 พื้นที่ 5 ภารกิจ กล่าวคือ พื้นที่ชายแดน 27 จังหวัด 107 อำเภอ ที่มีพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสถานศึกษาจำนวนมากอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร ขาดแคลนครู หลายแห่งไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต และในพื้นที่นี้ก็จะมีการจัดการศึกษาแบบบูรณาการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซ้อนอยู่อีก 10 จังหวัด ที่จำเป็นต้องจัดหลักสูตรเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ รวมถึงสมรรถนะในการทำงานและการประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ และช่วยยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ให้มีมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืน ส่วนพื้นที่พัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และ 4 อำเภอในสงขลา คือ จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย) ได้มีคณะทำงานไปทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกสังกัดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมตั้งศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปบ.จชต.) หรือ “กระทรวงศึกษาธิการส่วนหน้า” ตลอดจนจัดทำแผนยุทธศาสตร์การศึกษาในพื้นที่ดังกล่าว

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลได้ประกาศโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ภายใต้วิสัยทัศน์ “ขับเคลื่อนธุรกิจ เศรษฐกิจ ด้วยการศึกษาทุกระดับแบบสอดคล้องต่อเนื่อง” เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจให้ไปสนับสนุนความมั่นคงทางด้านสังคม ได้แก่ เมืองต้นแบบ “เกษตรอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน” อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมืองต้นแบบ “การพัฒนาที่พึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน” อ.เบตง จ.ยะลา และเมืองต้นแบบ “การค้าขายชายแดนระหว่างประเทศ” อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จากนั้นจะขยายให้เต็มพื้นที่ เพื่อให้มิติทางเศรษฐกิจเป็นฐานในการพัฒนาความเจริญสู่ทุกพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ รัฐบาลได้มีนโยบายในการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ใน 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชั้นนำของอาเซียนภายใน 5 ปี

แนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาใน 3 พื้นที่ 5 ภารกิจดังกล่าว ได้มีการจัดทำแผนทั้งหมดในทุกพื้นที่อย่างเป็นระบบ โดยให้ทุกฝ่ายได้ร่วมคิด ร่วมปรึกษาหารือ สร้างกลไกในการขับเคลื่อนและดำเนินงาน พร้อมมีการทบทวนการปฏิบัติเป็นห้วง ๆ เช่น เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นเดือนแห่งการทบทวนและปรับยุทธศาสตร์การศึกษาพื้นที่พิเศษดังกล่าวในการประชุมสัมมนา “มิติการศึกษา พัฒนาพื้นที่พิเศษ เดินหน้าประเทศไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เพื่อช่วยพัฒนาปรับปรุงแผนการทำงานโดยกำหนดเป็นขั้นเป็นตอน รวมจากกลุ่มย่อย ๆ ก่อนแล้วจึงพัฒนาไปทีละส่วน ๆ

โดยกำหนดเป็น 3 ขั้นตอน
      ขั้นแรก  เป็นการประชุมระดับศึกษาธิการจังหวัด เพื่อสร้างความเข้าใจ ทบทวนแผน พร้อมระดมความคิดเห็นผู้ขับเคลื่อนงานระดับจังหวัดในแต่ละภารกิจทั้ง 35 จังหวัด
     ขั้นที่สอง  เป็นการประชุมระดับคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดทั้งคณะ เพื่อนำแผนมาบูรณาการ รวมทั้งนำงานวิจัยและนวัตกรรมมาเป็นปัจจัยประกอบการพิจารณา และได้แลกเปลี่ยน ถ่ายทอด พร้อมหาจุดร่วมเชื่อมโยงการทำงานร่วมกัน ทำให้แผนมีความครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
     ขั้นที่สาม  เป็นการประชุมเพื่อให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด และผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษาทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน รวมถึงภาคประชาสังคม ได้นำแผนมาพัฒนาเพิ่มเติมให้เกิดความสมบูรณ์ พร้อมทั้งมีการนำเสนอความก้าวหน้าการดำเนินงาน แผนการดำเนินงาน พร้อมรับนโยบายการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ 2561 จากนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสัมมนา “มิติการศึกษา พัฒนาพื้นที่พิเศษ เดินหน้าประเทศไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ที่ จ.ชลบุรี

การประชุมในครั้งนั้น บรรยากาศดีมาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบความก้าวหน้าการทำงานในพื้นที่พิเศษ และกล่าวว่า “ต่อไปไม่ต้องเป็นพื้นที่พิเศษแล้ว เพราะต่อไปพื้นที่พิเศษจะเป็นพื้นที่  76+1 ซึ่งก็หมายถึงพื้นที่ทั้ง 76 จังหวัดและกรุงเทพฯ จะเป็นพื้นที่ที่พิเศษ ที่จะต้องมีความทั่วถึงเท่าเทียมกันทั้งหมด”

ซึ่งเป็นที่มาของการพบปะและหารือร่วมกันกับผู้บริหารและข้าราชการจากสำนักงานศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เพื่อต้องการสร้างความเข้าใจในการร่วมวางแผนทำงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาในระดับภาค ในปีงบประมาณ 2561-2562 และวางแผนจัดการศึกษาเพื่อให้ได้กำลังคนที่ตอบโจทย์การพัฒนาพื้นที่ ภูมิภาค และประเทศให้มากที่สุด

นอกจากนี้ เพื่อสะท้อนมุมมองการทำงานของภาคส่วนต่าง ๆ จึงได้มีการสำรวจความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาต่อการดำเนินงานที่ผ่านมา โดย ผศ.ดร.บรรพต วิรุณราช คณบดีวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา พบว่า ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก พร้อมเสนอให้มีการจัดทำแผนแบบมีส่วนร่วมพร้อมทบทวนแผนร่วมกับทุกฝ่ายบ่อยครั้งมากขึ้น ทั้งนี้ คนส่วนมากยังไม่เคยเข้าร่วมการจัดทำแผนเช่นนี้มาก่อน จึงทำให้มั่นใจได้ว่าการขับเคลื่อนและบูรณาการการจัดการศึกษาในพื้นที่ เดินมาถูกทิศทางแล้ว และรูปแบบ วิธีคิด วิธีทำงานที่มีระบบ มีขั้นตอนการจัดทำแผนร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ช่วยทำให้ได้แผนการทำงานที่ครอบคลุม ชัดเจน นำไปสู่การปฏิบัติได้จริงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ การจัดทำยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาพื้นที่ระดับภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ของสำนักงบประมาณ ได้กำหนดไว้ 6 ยุทธศาสตร์ โดยแบ่งเป็นยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคใต้ชายแดน โดยมีทั้ง “จุดเน้นการศึกษากับการพัฒนาภาค” ทั้งมิติบูรณาการ (Agenda) และมิติกระทรวง/หน่วยงาน (Function) และ “จุดเน้นการศึกษาที่ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาภาค” คือ มิติพื้นที่ (Area) ซึ่งทั้ง 6 ภาคดังกล่าวจะมีแนวทางพัฒนาที่แตกต่างกันออกไป
 

เป้าหมายในการดำเนินงานการขับเคลื่อนแผนบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดไว้ 5 ด้าน คือ 1) จัดระเบียบกลไกภาค 2) จัดทำแผนระดับภาค 3) เตรียมตั้งศูนย์อาชีวะระดับภาค 4) เตรียมจัดตั้งศูนย์พัฒนาบุคลากรระดับภาค 5) เตรียมประเมินคุณภาพการศึกษาในครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2561

อย่างไรก็ตาม ภาคการศึกษายิ่งต้องเร่งดำเนินการกว่าหน่วยงานอื่น ๆ เพราะเป็นหน่วยงานหลักในการผลิตและพัฒนากำลังคน ให้มีอาชีพ มีงานทำ
 


อีกเรื่องที่ต้องการเน้นย้ำคือ ปัญหาเด็กออกกลางคัน (หรือเด็กตกหล่น)
หรือเด็กที่ไม่ได้เข้าระบบการศึกษา ถือเป็นวาระสำคัญของชาติ ที่กระทรวงศึกษาธิการจะเร่งหารือกับกระทรวงมหาดไทยโดยเร็ว เพราะเป็นเรื่องน่าตกใจมากที่เด็กประชากรวัยเรียนของไทยในช่วงอายุ 8-13 ปี มีจำนวนทั้งสิ้น 7.5 แสนคน แต่จากการสำรวจในพื้นที่ชายแดนภาคใต้กลับพบว่ามีเด็กที่ไม่ได้เข้าระบบมากถึง 1.6 แสนคน หรือกว่า 23% เช่น ใน 4 อำเภอของสงขลา มีจำนวน 2 หมื่นคน สตูล 2 หมื่นกว่าคน ยะลา 3 หมื่นกว่าคน ฯลฯ จึงฝากให้ ศธภ./ศธจ. สำรวจข้อมูลเพื่อเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด โดยขอให้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เด็กเหล่านี้จะต้องมีชื่อเข้าเรียน เพราะการเร่งดำเนินการในเรื่องนี้จะมีผลในการดูแลเด็กอย่างทั่วถึงและลดความเหลื่อมล้ำอีกด้วย

พล.อ.สุรเชษฐ์ ได้ให้ข้อคิดหลายประการด้วยว่า ในการทำงานเพื่อให้งานสำเร็จโดยสมบูรณ์ ควรจะต้อง  “คิดให้ครบ ทบทวนเป็นห้วง ๆ ห่วงการรับรู้ สู่การบูรณาการ สืบสานศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
 

ทั้งนี้ ในการทำงานร่วมกันนั้น “กระทรวงศึกษาธิการต้องร่วมมือ ร่วมใจ รวมกันเป็นหนึ่ง” พร้อมฝากหลักคิดของนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เคยแนะนำหนังสือ “The Speed of Trust” โดย Stephen MR Covey กล่าวถึงความไว้วางใจ สามารถพัฒนาเป็นระดับ ๆ ได้เริ่มจากความไว้วางใจในตัวเรา และความไว้วางใจกับบุคคลอื่น ๆ ผ่าน 13 พฤติกรรม

รวมทั้งขอให้ผู้เข้าร่วมประชุม ได้น้อมนำหลักการทรงงาน 23 ข้อ, พระราโชวาทและพระราชกระแสรับสั่งด้านการศึกษาของในหลวงรัชกาลที่ 9, พระบรมราโชบายด้านการศึกษาของในหลวงรัชกาลที่ 10, หลักธรรมาภิบาล ฯลฯ ไปปรับใช้ในชีวิตและการทำงาน

นอกจากนี้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ กระทรวงศึกษาธิการจะจัดการประชุมจัดทำแผนบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาคทั้ง 6 ภาค ที่ขอนแก่น สงขลา พระนครศรีอยุธยา ภูเก็ต ตราด และเชียงใหม่ ตามลำดับ จากนั้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 จะมีการประชุมจัดทำแผนบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค ครั้งที่ 2

“จึงขอความมุ่งมั่นตั้งใจของทุกท่านที่จะเป็นประโยชน์ เกิดคุณค่า และเป็นทรัพยากรอันมีค่าของประเทศชาติ ขอให้ความตั้งใจดังกล่าวประสบความสำเร็จ หากมีปัญหาในการทำงานก็สามารถก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ ได้ด้วยสติปัญญา เพื่อนำความก้าวหน้าสู่กระทรวงศึกษาธิการต่อไป”


นายพะโยม ชิณวงศ์ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การประชุมปฏิบัติการครั้งนี้ นอกจาก รมช.ศึกษาธิการ ได้มอบนโยบายดังกล่าวแล้ว ยังมีการชี้แจงในหลายเรื่อง เช่น ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาพื้นที่ระดับภาค, ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค เมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564), แนวทางการพัฒนาและขับเคลื่อนแผนบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค, หลักการและกรอบแนวคิดการจัดทำแผนบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค ฯลฯ พร้อมทั้งมีการแบ่งกลุ่มปฏิบัติการเพื่อจัดทำแผนบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค จำนวน 6 กลุ่มย่อย คือ กลุ่มภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคใต้ชายแดน



นวรัตน์ รามสูต, บัลลังก์ โรหิตเสถียร: สรุป
กิตติกร แซ่หมู่, อรพรรณ ฤทธิ์มั่น: ถ่ายภาพ
18/10/2560
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานรัฐมนตรี และ
กลุ่มสารนิเทศ สอ.สป.: รายงาน