ศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา, พล.อ.ธนรัชฏ์ หิรัญบูรณะ ประธานคณะทำงานที่ปรึกษา รมช.ศธ., รศ.บัณฑิต ทิพากร คณะทำงานที่ปรึกษา รมช.ศธ. และประธานอนุกรรมการบริหารโครงการฯ ตรวจเยี่ยมการจัดการเรียนการสอนใน “โครงการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะเพื่อตอบโจทย์ภาคการผลิต ตามนโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษา” หลักสูตรอุตสาหกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีแมคคาทรอนิกส์ (ต่อเนื่อง) วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)
ผศ.ดร.พงษ์ศักดิ์ กีรติวินทกร สถาบันสหกิจศึกษา และพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไทย-เยอรมัน มจพ. กล่าวรายงานการดำเนินงานว่า เนื่องจากในปัจจุบันประเทศมีความต้องการกำลังคนระดับช่างเทคนิคและนักเทคโนโลยีจำนวนมาก เพื่อเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม ตามโครงการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะเพื่อตอบโจทย์ภาคการผลิต ตามนโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษา สอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ซึ่ง มจพ.เห็นถึงความสำคัญและมีความพร้อมที่จะผลิตกำลังคนที่มีสมรรถนะสอดคล้องกับความต้องการของภาคการผลิตและบริการ พร้อมต้องการจะยกระดับการศึกษาสายอาชีพของไทยให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น
จึงได้เข้าร่วมโครงการตั้งแต่ปี 2560 เพื่อผลิตกำลังคนด้านเทคนิคและนักเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ระดับอุตสาหกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีแมคคาทรอนิกส์ ด้วยหลักสูตรบูรณาการการจัดการเรียนรู้กับการทำงาน (Work Integrated Learning: WiL) ร่วมกับบริษัทแอมคอร์ เฟล็กซิเบิ้ล กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันจัดการเรียนการสอนสอดคล้องกับกระบวนการทางอุตสาหกรรม พร้อมส่งเสริมความเชื่อมโยงและประสานงานระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษามากขึ้น ทำให้เกิดองค์ความรู้ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของทั้งสองฝ่าย ตลอดจนสามารถนำผลลัพธ์สู่การวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา และผลิตผลที่เกิดจากการปฏิบัติจริง ทำงานจริง ในสถานที่จริง ที่จะเป็นข้อมูลและข้อเสนอแนะการปรับปรุงการจัดการศึกษาในรุ่นต่อ ๆ ไป
ดังนั้น ภาคเอกชนจึงมีความสำคัญและมีผลต่อความสำเร็จของโครงการเป็นอย่างมาก ส่วนครูเองเป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยให้กระบวนการเรียนรู้จากการฝึกปฏิบัติจริง (Learning by doing) ทั้งครูในมหาวิทยาลัยและครูในโรงงาน ที่จะช่วยออกแบบหลักสูตร ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ต่าง ๆ ที่หน้างาน เรียนรู้การทำงานด้วยการสื่อสารแบบสองทาง ที่จะส่งผลต่อการหล่อหลอมและสร้างทักษะสมรรถนะผู้เรียนตามที่คาดหวัง ให้สามารถพัฒนาตนเอง สร้างนวัตกรรมและสร้างการเปลี่ยนแปลงในการทำงานหรือสถานที่ที่ไปอยู่ ตลอดจนต่อยอดไปสู่การเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานความรู้ในอนาคต และต้องยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก และเป็นโอกาสของเด็กเยาวชนรุ่นใหม่ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการผลิตกำลังคนเพื่อไปสร้างความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาประเทศก้าวสู่ประเทศไทย 4.0 เพื่อขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม มีการสร้างมูลค่าเพิ่มของนวัตกรรม สินค้า และบริการในรูปแบบใหม่ ๆ ทำให้ประเทศพึ่งพาตนเองได้และมีรายได้เพิ่มขึ้น หลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางอย่างแท้จริง
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า จากการเยี่ยมชมการฝึกประสบการณ์ภายในสายการผลิตแมคคาทรอนิกส์ ของบริษัทแอมคอร์ เฟล็กซิเบิ้ล กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พร้อมพูดคุยกับนักศึกษาในโครงการ แสดงให้เห็นว่ามีการฝึกปฏิบัติและเรียนรู้ตามปรัชญาของ WiL อย่างแท้จริง เพราะเด็กได้ทำงานในสายการผลิตจริงเสมือนเป็นพนักงานคนหนึ่ง โดยมีครูช่างในโรงงานเป็นพี่เลี้ยงแนะนำดูแลตลอดเวลา พร้อมมีการสื่อสารเรียนรู้ ถกเถียง และแสดงความคิดเห็นที่หน้างานจริง ๆ นี่คือส่วนสำคัญของการเรียนรู้จากการทำงาน ที่จะช่วยสร้างและกระตุ้นกระบวนการคิดวิเคราะห์ การตั้งคำถาม และนำสู่แนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างมีมาตรฐาน ซึ่งจุดนี้เองยังมีส่วนช่วยให้เกิดการศึกษาวิจัยเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาจากการทำงานร่วมกันระหว่างภาคปฏิบัติในระบบอุตสาหกรรม และภาคการศึกษาเชิงวิชาการและองค์ความรู้ต่าง ๆ
จึงขอชื่อชมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ที่ดำเนินโครงการมีความก้าวหน้าอย่างชัดเจนและเกิดผลดีต่อระบบการยกระดับการผลิตกำลังคน พร้อมตอบโจทย์การปฏิรูปการศึกษาโดยการเรียนรู้จากการทำงานจริงและสามารถสร้างนวัตกรรม ตลอดจนองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่จะช่วยพัฒนาระบบอุตสาหกรรมอนาคต (New S-curve) ของประเทศด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายโสฬส ยอดมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัทแอมคอร์ เฟล็กซิเบิ้ล กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวต้อนรับและนำเยี่ยมชมสถานประกอบการ พร้อมกล่าวแสดงความยินดีที่จะร่วมบูรณาการการเรียนกับการทำงาน (WiL) ในโครงการฯ และประสานการจัดทำหลักสูตรเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการมากขึ้น ทั้งนี้ต้องการให้ภาครัฐคงความต่อเนื่องของโครงการต่อไป เพื่อยกระดับและพัฒนากำลังคนให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติ
บริษัทแอมคอร์ เฟล็กซิเบิ้ล กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานกว่า 158 ปีที่แล้ว โดยริเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2403 เพื่อพัฒนาการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่คำนึงถึงห่วงโซ่อุปทานจนเกิดความชำนาญหลายปี จนสามารถผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยรูปแบบรูปทรงที่น่าสนใจหลากหลาย และมีความคุ้มค่าสำหรับผู้บริโภคอย่างยั่งยืน ทั้งยังเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มในตลาดใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บริษัทก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในการพัฒนาและผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และรับผิดชอบต่อความหลากหลายของอาหาร เครื่องดื่ม เวชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ที่บ้าน และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ โดยในปัจจุบันได้ขยายการดำเนินงานและสาขากว่า 200 แห่งใน 40 ประเทศทั่วโลก มีพนักงาน 35,000 คน และมียอดขาย 9.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
Photo Credit
Editor