ADB เสนอเงินกู้

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เสนอเงินกู้ 300 ล้านเหรียญ
พัฒนาศักยภาพงานวิจัย พัฒนานวัตกรรม ของมหาวิทยาลัยไทย


ศึกษาธิการ – นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนางสาวดุริยา อมตวิวัฒน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้การต้อนรับ Mr. Yasushi Negishi ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) เนื่องในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและหารือการดำเนินงานและความร่วมมือด้านการศึกษา เมื่อวันศุกร์ที่ 22 เมษายน 2559 ที่ห้องรับรองจันทรเกษม

Mr. Yasushi Negishi ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย กล่าวว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียได้เสนอโครงการเงินกู้ Infrastructure for Research and Technological Innovations จำนวนประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการวิจัย, การสร้างนวัตกรรม และส่งเสริมโครงการวิจัยร่วม พร้อมทั้งพัฒนาคุณภาพและโครงการด้านวิชาการตลอดจนพัฒนาการสอน เพื่อให้บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษามีทักษะและความรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการในตลาดแรงงาน

โดย 200 ล้านเหรียญสหรัฐ จะจัดสรรให้แก่โครงการวิจัยประยุกต์ร่วม (Joined Applied Research Programs) ให้แก่คณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย เพื่อจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 10 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก (10 Industry Clusters) เพื่อให้เป็นกลไกสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ

ส่วนวงเงินกู้อีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐ จะจัดสรรให้กับการเสริมสร้างศักยภาพการสร้างงานวิจัยทั่วไปของมหาวิทยาลัยในด้านต่าง ๆ อาทิ การจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ การฝึกอบรมครูและนักวิจัย การจัดประชุมเชิงวิชาการ เป็นต้น

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์  รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า โครงการเงินกู้ดังกล่าวของ ADB นอกจากจะสนับสนุนการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศ (Excellence Center) แล้ว ยังให้ความสนใจในการพัฒนาศูนย์การวิจัยในด้านอื่น ๆ จึงเสนอให้ ADB ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ในการจัดทำโครงร่าง (Proposal) ของโครงการเงินกู้ฯ เพื่อนำมาพิจารณาตามลำดับขั้นตอนต่อไป

นอกจากนี้ ขอให้ ADB ประสานความร่วมมือกับผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เกี่ยวกับโครงการความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่จะพัฒนาระบบการอาชีวศึกษาร่วมกัน


อรพรรณ ฤทธิ์มั่น
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี : ถ่ายภาพ
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สป.
22/4/2559