Multilingual Education
การประชุมวิชาการนานาชาติการศึกษาพหุภาษา
Dr Gwang-Jo Kim ผู้อำนวยการสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ กล่าวว่า สำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับ
การประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้ จะทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้แบ่งปันประสบการณ์การทำงานและการวิจัยเกี่ยวกับพหุภาษาในบริบทต่าง ๆ อีกทั้งได้แลกเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติในโลกที่การศึกษามีความแพร่หลาย เนื่องจากการศึกษาเป็นตัวขับเคลื่อนอันดับแรกที่จะทำให้เกิดการพัฒนา
ดังนั้น การประชุมวิชาการพหุภาษาจึงมีคุณค่าอย่างมาก พร้อมทั้งเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่จะนำไปสู่ความสำเร็จด้านการศึกษาที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ของสหประชาชาติ ตลอดจนเชื่อมโยงกับการศึกษาตลอดชีวิตของมนุษยชาติด้วย
อีกทั้งภาษายังเป็นเครื่องมือในการที่จะเข้าถึงวัฒนธรรมและเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาการศึกษา ดังคำกล่าวของนักปรัชญาที่มีชื่อเสียงสองท่านที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของภาษาและวัฒนธรรม ได้แก่ Matthew Arnold กล่าวไว้ว่า “Culture is to know the best that has been said and thought in the world.” และ Samuel Taylor Coleridge กล่าวไว้ว่า “Language is the armoury of the human mind, and at once contains the trophies of its past and the weapons of its future conquests.”
สำหรับนโยบายอื่น ๆ ด้านภาษานั้น กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการยกระดับมาตรฐานภาษาอังกฤษให้มีความเป็นสากล เช่น เปลี่ยนรูปแบบและวิธีการอบรมครูให้มีความเข้มข้นมากขึ้น, ปรับหลักสูตรด้วยการเพิ่มจำนวนชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้น ป.1-ป.3 จากสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมงเป็นสัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง เป็นต้น พร้อมทั้งได้ทำการวิเคราะห์สิ่งที่เด็กต้องการเรียนในรายวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งพบว่าเด็กไม่ได้ต้องการเรียนเพียงแค่ไวยากรณ์ เพราะระบบการศึกษาของไทย เด็กจะได้เรียนภาษาอังกฤษนานที่สุดประมาณ 12 ปี ซึ่งเน้นการสอนไวยากรณ์ ดังนั้น เด็กจะได้คะแนนการสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษในระดับดีมาก แต่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ กระทรวงศึกษาธิการจึงต้องกลับมาให้ความสำคัญกับการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (Functional English) และคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยสิ่งสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการตอนนี้ คือ การสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษ
นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้ถวายงานในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งพระองค์ได้ตรวจเยี่ยมโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในพื้นที่ชายแดนมีการใช้ภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ภาษาชาติพันธุ์จึงเป็นประเด็นสำคัญที่การประชุมในวันนี้ได้ยกขึ้นมาหารือด้วย
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ การส่งเสริมให้เด็กมองเห็นและเข้าใจความเท่าเทียมทางการศึกษา เพราะการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ เด็กทุกคนมีสิทธิ์ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม โดยการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเป็นหนึ่งในนโยบายการศึกษาชาติที่กระทรวงศึกษาธิการกำลังเร่งดำเนินการด้วย
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายพัฒนาเด็กไทยให้อ่านออกเขียนได้ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าเด็กไทยส่วนใหญ่แม้จะมีอัตราการอ่านออกเขียนได้ 100% แต่ในความเป็นจริงเด็กสามารถอ่านได้ แต่อาจจะสะกดคำไม่ถูกต้อง หรือไม่สามารถจับใจความจากการอ่านได้ เป็นต้น ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการต้องมีกลยุทธ์ในการแก้ปัญหานี้เช่นกัน
การประชุมครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมการประชุมทุกท่านได้เรียนรู้โลกของเรามากขึ้น และขอให้ทุกท่านมีช่วงเวลาที่มีความสุขในประเทศไทย แม้ว่าเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศก เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ สวรรคต หวังว่าผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านจะได้เห็นวัฒนธรรมและประเพณีโบราณของไทยซึ่งคงคุณค่าอย่างมาก พร้อมทั้งจะได้เห็นภาพความจงรักภักดีที่พสกนิกรชาวไทยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
อรพรรณ ฤทธิ์มั่น, บัลลังก์ โรหิตเสถียร สรุป / รายงาน
บัลลังก์ โรหิตเสถียร : ถ่ายภาพ
19/10/2559